ขนมปัง-ปลาร้า ของกินพระราชทานสมัยกรุงศรีอยุธยา ทูตฝรั่งรีวิวไว้ว่าอย่างไร?

บรรยากาศ ตลาด สมัย กรุงศรีอยุธยา จิตรกรรม วัดเชิงท่า
บรรยากาศตลาดสมัยกรุงศรีอยุธยา ในงานจิตรกรรมไทย ที่วัดเชิงท่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ขนมปัง, ปลาร้า และอาหารแห้ง คือ “ของกินพระราชทาน” ที่ราชสำนักของ กรุงศรีอยุธยา จัดหาให้แก่ชาวต่างสำหรับเป็นเสบียงระหว่างเดินทาง แล้วฝรั่งที่ได้รับของพระราชทานเหล่านี้มีความคิดเห็นเช่นไร อร่อยถูกใจหรือไม่ ต้องไปอ่านบันทึกทูตใหญ่ เก๋าประสบการณ์อย่าง ลา ลูแบร์ จะ “รีวิว” ไว้อย่างไร

เริ่มจาก ขนมปัง ของกินที่ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกส ชาวยุโรปชาติแรกที่เดินมาสยาม โดยคำว่า “ปัง” ที่ในภาษาไทยใช้เรียกอาหารชนิดนี้มีที่มาจากคำว่า “เปา” (po) ในภาษาโปรตุเกสด้วย

บทรีวิวของ ลา ลูแบร์ เริ่มด้วยการกล่าวถึงข้าวสวยกับขนมปังว่า “ลูกเรือกำปั่นของเรา แสดงความรู้สึกเสียดาย หลังจากที่ได้บริโภคข้าวสุกมากว่า 3 เดือนแล้ว เรากลับต้องไปให้ (บริโภค) ขนมปังแห้งอีก (ตามเคย)”

ฟังดูเหมือนเขาจะปลื้มกับรสชาติของ “ข้าวสวย” เมืองไทยไม่น้อย ส่วนรสชาติของขนมปัง เมด อิน ไทยแลนด์ สมัยสมเด็จพระนารายณ์ (สมัยที่ ลา ลูแบร์ เข้ามา) เขาบันทึกว่า

“อนึ่ง ขนมปังสดที่พระเจ้ากรุงสยามโปรดพระราชทานแก่พวกเรานั้นผากเกินไป กระทั่งว่าข้าวสวยที่หุงด้วยน้ำบริสุทธิ์นั้นมาตร ว่าจะจืดชืดสักเพียงไร ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่าน่าบริโภคมากกว่าตั้งเป็นกอง…แม้กระนั้นก็ยังมีชาวยุโรปยืนยันแก่ข้าพเจ้าว่า ขนมปังสดข้าวสาลีของประเทศสยามนั้นดีและที่พวกเรารู้สึกว่าผากไปบ้างนั้น อาจเป็นเพราะเขาได้ปนแป้งข้าวเจ้าเข้าไปด้วยกับแป้งข้าวสาลีเพื่อการประหยัด หรือเกรงว่าขนมปังสด (ที่ทำด้วยแป้งสาลีล้วนๆ) จะขาดมือก็ได้”

สำหรับ ปลาร้า อาหารหมักเค็มกลิ่นแรง ชาวอุษาคเนย์ กรุงศรีอยุธยา นิยมมอบเป็นของฝาก ของกินระหว่างเดินทาง ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติที่เดินมาเชื่อมสัมพันธไมตรี แน่นอนว่า ลา ลูแบร์ ก็ได้รับปลาร้าเช่นกัน โดยเขาบันทึกประสบการณ์ที่มีร่วมกับปลาร้าไว้ว่า

“เมื่อได้จับปลาเหล่านั้นหมักเกลือไว้ด้วยกันตามวิธีที่ชาวสยามเคยทำกันมา แล้วใส่รวมลงในตุ่มหรือไหดินเผาดองไว้ ปลานั้นจะเน่าภายในไม่ช้า เพราะการหมักเค็มของชาวสยามนั้นทำกันเลวมาก ครั้นปลาเน่าและค่อนข้างจะเป็นน้ำแล้ว น้ำปลาเน่าหรือปลาร้านั้นจะนูนฟอดขึ้นและยุบลงตรงกันกับเวลาที่กระแสน้ำทะเลขึ้นลง

มร. แว็งซังต์ได้ให้ปลาร้าแก่ข้าพเจ้ามาไหหนึ่ง เมื่อกลับมาถึงประเทศฝรั่งเศส และยืนยันแก่ข้าพเจ้าว่าการที่น้ำปลาร้าในไหขึ้นลงได้นั้นเป็นความจริง เพราะเขาได้เห็นมากับตาตนเองแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่อาจพลอยเชื่อให้สนิทใจได้…ไหที่ มร. แว็งซังต์ให้แก่ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าได้นำมายังกรุงปารีสด้วยนั้น น้ำปลาร้าหาได้ขึ้นลงดังว่าไม่ อาจเป็นด้วยปลานั้นเน่าเฟะเกินไป”

เมื่อปลาร้ามีหน้าตาเช่นนี้แล้ว ในสายตา ลา ลูแบร์ เขากล่าวถึงรสชาติมันเป็นอย่างไร มาฟังจากบันทึกของเขาที่ว่า

“ชาวสยามมีความยุ่งยากใจเป็นอันมาก ที่จะหมักเค็มให้ดี เพราะว่าเกลือจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสัตว์ได้โดยยากในประเทศที่มีอากาศร้อนจัด แต่พวกก็ชอบบริโภคที่หมักเค็มไว้ยังไม่ได้ที่ และปลาแห้งยิ่งกว่าปลาสดๆ แม้ปลาเน่า (ปลาร้า) ก็เป็นที่นิยมชมชอบไม่น้อยไปกว่าไข่ตายโคม ตั๊กแตน หนู (พุก) แย้ และตัวด้วงจัวแมลงอีกเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าสงสัยเลยว่าธรรมชาติคงจะแต่งให้ชาวสยามหันไปบริโภคแต่อาหารประเภทที่ย่อยง่าย และลางทีสิ่งเหล่านี้อาจมีรสชาติไม่เลวดังที่เราคิดกันก็เป็นได้…แต่ครั้นได้บริโภคเข้าไปแล้วก็พบว่ามีรสชาติเป็นเลิศ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ข้อมูลจาก :

กำพล จำปาพันธ์. มนุษย์อยุธยา ประวัติศาสตร์สังคม จากข้าวปลา หยูกยา ตำรา SEX. กรุงเทพฯ : มติชน, 2563


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2563