ผู้เขียน | ปดิวลดา บวรศักดิ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
หากอยู่ในวงการวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี หรือไปท่องเที่ยวใน โบราณสถาน คงจะเคยได้ยินคำว่า “เก็จ” และ “ลวดบัว” กันบ้าง
แล้ว 2 อย่างนี้คืออะไร อยู่ตรงไหนของโบราณสถานกันแน่?
พูดง่าย ๆ เลย คือ เวลาที่เราเห็นโบราณสถานต่าง ๆ จะเห็นผนังมีการยุบเข้าและยื่นออก เกิดเป็นเส้นแนวตั้ง เห็นเป็นความสวยงามที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน อันนี้เรียกว่า “เก็จ”
ส่วน “ลวดบัว” คือแถบนูนในแนวของผนัง ส่วนใหญ่แล้วมักพบตรงฐาน
แม้ว่าเก็จและลวดบัวจะไม่มีประโยชน์ในด้านการใช้งานนัก แต่เหตุที่ทำให้โบราณสถานมีลวดบัวและเก็จ เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน สวยงาม เหมาะสำหรับการเป็นที่อยู่อาศัยของ “เทพเจ้า” อีกทั้ง สองอย่างนี้ยังทำให้เกิดความงดงาม ขณะที่แสงกำลังทอดตัวลงมา จนเป็นแสงและเงาที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ นักประวัติศาสตร์ยังใช้เก็จและลวดบัว จำแนกความแตกต่างของศิลปะแต่ละยุค เนื่องจากแต่ละช่วงจะมีเก็จและลวดบัวที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงยังใช้เชื่อมโยงอิทธิพลของอินเดีย สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ละภูมิภาคได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม :
- ปราสาท “บรมวิษณุโลก” เปลี่ยนมาเป็น “นครวัด” เมื่อใด ทำไม?
- “ปราสาท” และ “เทวาลัย” แตกต่างกันอย่างไร?
- “สถูป” และ “ปราสาท” แตกต่างกันอย่างไร?
- พิมาย เมืองพุทธ-มหายาน เก่าแก่สุดในลุ่มน้ำโขง ต้นแบบ “ปราสาทนครวัด”
- หลักฐานใหม่ จากหลุม “ดวงฤกษ์สมัยทวารวดี” กรมศิลป์ ขุดพบ ที่ โบราณสถานโคกแจง นครปฐม
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
เชษฐ์ ติงสัญชลี. ปราสาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. กรุงเทพฯ : มติชน, 2565.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มีนาคม 2567