ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
7 กันยายน 2488 เปลี่ยนชื่อประเทศไทยอีกครั้ง! กลับไปใช้ชื่อ “Siam” ในภาษาอังกฤษ
“ตามที่ได้มีการประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2483 ซึ่งในภาษาอังกฤษให้ใช้ชื่อเรียกประเทศไทยว่า ‘Thailand’ ชื่อประชาชนและสัญชาติว่า ‘Thai’ นั้น
บัดนี้ รัฐบาลได้พิจารณาว่า โดยที่ชื่อของประเทศเราเป็นที่นิยมเรียกกันทางต่างประเทศว่า ‘Siam’ จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีทั่วไปมาช้านานแล้ว ฉะนั้นจึงให้ชื่อประเทศในภาษาอังกฤษว่า ‘Siam’ กับชื่อประชาชนและสัญชาติให้ใช้ว่า ‘Siamese’ สำหรับในภาษาต่างประเทศอื่นให้ใช้โดยอนุโลม ส่วนชื่อในภาษาไทยให้คงใช้ว่า ‘ไทย’ ไปตามเดิม
ประกาศ ณ วันที่ 7 กันยายน 2488
ทวี บุณยเกตุ (นายกรัฐมนตรี)”
ที่มา : ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ จากหนังสือ รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (2475-2517)
ทั้งนี้ คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังญี่ปุ่นยอมจำนนต่อสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เพียงไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งชาญวิทย์ เกษตรศิริ มองว่าเป็น “สารที่ผู้นำไทยอีกฝ่ายหนึ่ง คือ ฝ่ายเสรีนิยมของ ฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ ร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม (เจ้านาย) ต้องการสื่อกับฝรั่งตะวันตกผู้พิชิตสงครามเสียมากกว่า”
แต่เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับมามีอำนาจอีกครั้งผ่านการรัฐประหาร ในปี 2490 ชื่อประเทศไทยในภาษาอังกฤษ ก็ถูกเปลี่ยนกลับไปใช้ว่า “Thailand” อีกครั้ง
อ่านเพิ่มเติม :
- “ทวี บุณยเกตุ” เป็นนายกฯ 17 วัน นอกจากเปลี่ยนชื่อประเทศไทยแล้ว ทำอะไรอีกบ้าง ?
- “ปรีดี พนมยงค์” เห็นควรใช้ชื่อประเทศว่า “Muang Thai” ดีกว่า “Thailand”
- จาก “อินเดีย” สู่ “ภารัต” ต้นรากอันหลากหลายของชื่อประเทศอินเดีย
- ทหารพม่าในการเมือง นัยของคณะรัฐประหาร เปลี่ยนชื่อประเทศ “เบอร์มา” เป็น “เมียนมา”
อ้างอิง :
“จาก สยาม เป็น ไทย นามนั้นสำคัญไฉน?” โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 กันยายน 2563