“กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร” ลูกที่รัชกาลที่ 5 ทรงชม “งามเหมือนเทวดา” จนต้องแก้เคล็ด?

กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาหลายพระองค์ ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้ช่วยบริหารกิจการบ้านเมือง หนึ่งในนั้นคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร หรือ “ทูลกระหม่อมหญิง” ของชาววัง ทรงเป็นราชเลขานุการิณีในรัชกาลที่ 5 มีโอกาสตามเสด็จประพาสต้น เสด็จออกแขกเมืองร่วมกับพระราชบิดา ทั้งทรงร่วมทรงงานแก้ไขวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เล่าขานกันว่า พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมงดงามอย่างมาก แม้กระทั่งพระราชบิดายังทรงเอ่ยพระโอษฐ์ชมว่า “งามเหมือนเทวดา”

กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร พระนามเดิม คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี เป็นพระราชธิดาลำดับที่ 19 ในรัชกาลที่ 5 ประสูติแต่สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2420

รัชกาลที่ 5 ตรัสเรียกพระราชธิดาองค์นี้ว่า “ลูกหญิง” ส่วนชาววังออกพระนามว่า “ทูลกระหม่อมหญิง” หรือ “ทูลกระหม่อมหญิงใหญ่” เนื่องจากทรงเป็นพระราชธิดาเจ้าฟ้าชั้นเอกพระองค์แรกในรัชกาล และทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เดียวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับพระราชทานกรมสูงสุดถึง “กรมหลวง” และพระนามกรมยังหมายความถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นนามของเมืองหลวงอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร “ลูก” ในรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงมีพระชนมายุยืนยาวที่สุด

กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร
กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร (ภาพ : https://bit.ly/3Wg907W)

สิทธิพร ณ นครพนม เขียนในบทความ “สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ‘งามเหมือนเทวดา’” ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับมิถุนายน พ.ศ. 2538 ไว้ว่า

ความงดงามบริสุทธิ์ผุดผ่องและโสภาคย์ของทูลกระหม่อมหญิง ยังความปีติโสมนัสให้สมเด็จพระบรมชนกนาถและพระชนนีเป็นอย่างยิ่ง แต่อีกด้านก็ทำให้ทรงวิตกกังวลอย่างยิ่ง เพราะความงามบริสุทธิ์ พระฉวีผุดผ่อง ไม่มีไฝฝ้าราคี ในสมัยโบราณมีความเชื่อกันว่า ผู้ที่เกิดมางดงามมาก ยากจะเลี้ยงให้รอดชีวิตต่อมา

ดังนั้น จึงมีพระกระแสรับสั่งพระชนนี พระพี่เลี้ยง พระนม และแพทย์หลวง ให้ระวังใกล้ชิด หากทรงพระประชวรแม้เพียงนิด จะต้องรีบกราบบังคมทูลในทันที

เวลาผ่านมาจนพระชนมายุขวบเศษ ขณะที่รัชกาลที่ 5 ทรงอุ้มกรมหลวงศรีรัตนโกสินทรส่งให้พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงดิ้นไปมา จนพระขนง (คิ้ว) ถูกชามแก้วบนโต๊ะเสวยบาด จนเป็นแผลพระโลหิตตก กันแสงลั่นพระตำหนัก

พระบรมวงศ์ฝ่ายในจึงทูลปลอบว่า “ความวิตกกังวลว่าจะมีพระชนมายุสั้นนั้น เป็นอันผ่านไปแล้วเพราะทรงมีบาดแผลแล้ว” พระบรมชนกนาถและพระชนนีจึงค่อยคลายความกังวล

สิทธิพร เล่าในบทความว่า เมื่อกรมหลวงศรีรัตนโกสินทรเจริญพระชนมายุ 11 พรรษา ก็ได้รับพระราชพิธีโสกันต์เต็มยศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีสวด 3 วัน สมโภช 3 วัน เสร็จพระราชพิธีแล้วตอนฟังสวดทรงเครื่องขาวพระเกี้ยวยอด เสด็จขึ้นพระยานมาศจากเกยหน้าสวนศิวาลัย ผ่านพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เข้าประตูพิมานไชยศรี เทียบเกยพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ (แห่รอบนอก) รัชกาลที่ 5 ทรงรับและส่งพระกรทุกคราว ระหว่างสมโภชทรงแต่งพระองค์สีต่างกันทั้ง 3 วัน

การนี้ ชาววังกล่าวขานถึง “ทูลกระหม่อมหญิง” ว่างามหนักหนา ขณะที่พระบรมชนกนาถถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า “ลูกพ่องามเหมือนเทวดา” และตามปกติจะแห่โสกันต์เวลาเย็น แต่คราวนี้บังเอิญพระชนนีป่วย จึงเลื่อนไปแห่เกือบค่ำ ราษฎรที่มาชื่นชมพระบารมีขบวนแห่เมื่อเห็นพระพักตร์ทูลกระหม่อมหญิงแล้วก็ถึงกับเอ่ยชื่นชมกันว่า “ลูกท่านงามอย่างนี้ มิน่าท่านจึงแห่จนค่ำ”

ตามโบราณราชประเพณี เมื่อทรงโสกันต์แล้ว พระขัตติยราชนารีต้องงดเสด็จออกข้างนอก ต้องเก็บตัวอยู่ฝ่ายในและต้องทรงสะพัก (ห่มผ้า) แต่ทูลกระหม่อมหญิงทรงกันแสง เพราะทรงมีพระประสงค์จะรับใช้พระราชบิดาทางฝ่ายหน้าอีก ถึงกับไปกราบบังคมทูลพระกรุณาให้รับสั่งเป็นเด็กอีกต่อไป ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้เป็นไปตามนั้น แต่ยอมเพียงให้เจริญพระชนมายุถึง 18 พรรษาเท่านั้น กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรจึงได้ถวายการรับใช้ใกล้ชิด

ความงามของพระองค์เป็นที่กล่าวขานอย่างกว้างขวาง สะท้อนจากเสียงชื่นชมของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ อาทิ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงชมโฉม “ทูลกระหม่อมหญิง” ผ่านบทสักวา เนื้อความว่า

 ได้ยลพักตร์ลักขณาสุดาพี่   จะหาไหนไม่มีเสมอสอง
เสงี่ยมงามทรามสงวนนวลละออง   ไฉนน้องไร้คู่อยู่เอกา
ถ้าอยู่ได้ก็จะอยู่เป็นคู่ชื่น   สำราญรื่นร่วมจิตขนิษฐา
จะบนบวงสรวงเหล่าเทวา   ขอให้สมปรารถนาคราวนี้เอยฯ

หรือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ที่ทรงกล่าวใน “เกิดวังปารุสก์” ตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าจำได้ว่าท่านงามมาก แต่ค่อนข้างจะน่ากลัว ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปเรียกท่านผิดว่าทูลหม่อมป้าหญิง เลยถูกท่านเอ็ดเอาว่า อะไรทูลหม่อมป้าชายมีที่ไหน” ส่วน ม.จ.มารยาตรกัญญา ดิศกุล ก็บันทึกว่า “ในชั่วชีวิต 5 ขวบของข้าพเจ้า ยังไม่เคยเห็นใครที่งามและน่ารักเหมือนพระองค์ท่านเลย”

กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงช่วยพระราชบิดาปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยอย่างเต็มพระกำลัง เมื่อรัชกาลที่ 5 สวรรคตใน พ.ศ. 2453 พระองค์ยังประทับอยู่ ณ พระบรมมหาราชวัง กระทั่ง พ.ศ. 2458 จึงทรงย้ายไปประทับ ณ วังบางขุนพรหม กับพระอนุชา คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร สิ้นพระชนม์อย่างสงบ เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2465 (นับแบบปัจจุบันคือ พ.ศ. 2466) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยพระชนมายุ 45 พรรษา

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


 อ้างอิง :

สิทธิพร ณ นครพนม. “สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ‘งามเหมือนเทวดา’”. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับมิถุนายน พ.ศ. 2538

“มหามกุฏราชสันตติวงศ์ ๑๔ กันยายน ๒๔๒๐ วันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร”. https://bit.ly/3Wg907W


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 เมษายน 2567