ผู้เขียน | เสมียนอารีย์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ในอดีต แม้ว่าเงินเดือนจะน้อย แต่ค่าครองชีพถูก ราคาสินค้าและบริการไม่แพง จึงทำให้ “คนไทย” ดำรงชีวิตกันได้อย่างสบาย ซึ่งผิดกับปัจจุบัน แม้ว่าเงินเดือนจะสูง แต่ค่าครองชีพก็สูงตาม หรือแย่กว่านั้นคือ เงินเดือนน้อย แต่ “ค่าครองชีพ” ก็สูง
เทพชู ทับทอง บอกเล่าเรื่อง “ค่าครองชีพ” ของ คนไทย ในอดีต ตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 7 ไว้ในหนังสือ “กรุงเทพฯ เมื่อวันวาน” (สำนักพิมพ์บริษัท พี. วาทิน พับลิเคชั่น จำกัด, 2525) มีดังนี้ (จัดย่อหน้าใหม่ – กองบรรณาธิการ)
“…เพื่อให้เห็นว่าค่าครองชีพสมัยก่อนคือสมัยเมื่อปลายรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 เป็นอย่างไร จึงขอเล่ารายละเอียดของราคาข้าวของในสมัยนั้น เท่าที่ค้นคว้าได้ และเท่าที่สัมภาษณ์จากคนอายุ 70-80 ดังนี้
ราคาข้าวของในปลายรัชกาลที่ 5 มีดังนี้
ข้าวแกงจานละไพ, ก๋วยเตี๋ยวจานละไพ, ก๋วยจั๊บชามละ 1 อัฐ, ขนมถ้วยละไพก็มี ถ้วยละ 1 อัฐก็มี, บุหรี่ตรานกร้อย ซองละ 7 สตางค์ ตรานกอินทรี ซองละ 6 สตางค์, กางเกงนกเรียนขาสั้นตัวละ 2 สลึงเฟื้อง เสื้อนักเรียนตัวละสลึง,
รองเท้ายางญี่ปุ่นคู่ละ 75 สตางค์, ข้าวดีเกวียนละ 40 บาท ข้าวเลวเกวียนละ 20-30 บาท, ควายดี (ควายเมืองกรุง) ตัวละ 40 บาท ควายลูกเขมรหรือควายตะวันออกตัวละ 30 บาท”
ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 6-7 มีดังนี้
“…จากการสัมภาษณ์ นายเฉลิมศักดิ์ วงศ์เทวัญ อายุ 71 ปี (พ.ศ. 2521) อดีตแพทย์ทหารบกพญาไท ได้ความว่าในสมัยรัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 ค่าครองชีพก็ถูกมากเช่นเดียวกัน ราคาของกินของใช้เท่าที่จำได้ มีดังนี้
ข้าวสารถังละ 2 สลึงถัง 1 บาท, ข้าวแกงจานละ 1 สตางค์ ถ้าดีหน่อยก็จานละ 2-3 สตางค์, ก๋วยเตี๋ยวชามละ 1 สตางค์ อย่างดีก็ 2-3 สตางค์, ก๋วยจั๊บชามละ 1 สตางค์, หมี่ซั่วหรือที่เรียกว่าก๋วยเตี๋ยวถังแตก คือก๋วยเตี๋ยวสำหรับคนไม่มีเงินกินชามละ 1 สตางค์, ขนมต่าง ๆ ถ้วยละ 1 สตางค์ น้ำแข็ง ยังไม่มีแพร่หลาย
กินน้ำเปล่า ไม่ต้องซื้อ ไอศกรีมยังไม่มีแพร่หลาย เช่นเดียวกับน้ำแข็ง, ส่วนคนมีเงินถ้ากินข้าวต้มหอยนางรม อย่างแพงก็ชามละ 10 สตางค์ ถ้ากินแบ๊ะแซ ก็จานละ 15-20 สตางค์
น้ำมะเน็ต สีเขียวสีแดง ขวดละ 3 สตางค์, เหล้าฝรั่งตรามือ ขวดละ 4 บาท, โซดาขวดละ 1 สตางค์, บุหรี่ตรานกอินทรีมี 10 มวน ซองละ 3 สตางค์, บุหรี่ตราลูกโลกมี 20 มวน ซองละ 3 สตางค์, บุหรี่ห้างเพ็ญภาคตราละครมี 20 มวน ซองละ 5 สตางค์,
บุหรี่ทรีคาลเซล การิค (เสือหมอบ) มี 10 มวน ซองละ 10 สตางค์, เสื้อนักเรียนคอตั้ง ตัวละ 6 สลึง, กางเกงแพร 6 เส้น อย่างแพงตัวละ 5 บาท 9 เส้น ตัวละ 7 บาท 12 เส้นตัวละ 10 บาท, รองเท้าหนังอย่างดีวัดเท้าตัดคู่ละ 5 สลึง”
เงินเดือนข้าราชการ
“ส่วนเงินเดือนข้าราชการได้ดังนี้ ครูขั้นต้นได้เดือนละ 4 บาท, พลตำรวจได้เดือนละ 4 บาท เบี้ยเลี้ยงเดือนละ 7.50 บาท รวมเดือนละ 11.50 บาท, ข้าราชการขั้นต้นได้เดือนละ 15 บาท
สําหรับนายเฉลิมศักดิ์ สำเร็จแพทย์ปริญญา เข้ารับราชการใหม่ ๆ ได้เดือนละ 80 บาท ซึ่งก็นับว่ามากพอใช้สำหรับในสมัยนั้น
จากการสัมภาษณ์ ร.ท. ขุนนบเสนีย์ (นพ สุวรรณาคร) ซึ่งมีอายุ 80 ปี (พ.ศ. 2521) ถึงราคาข้าวของในสมัยรัชกาลที่ 5 และที่ 7 ได้ความว่า
ข้าวแกงจานละ 3 สตางค์, ก๋วยเตี๋ยวชามละ 3 สตางค์, น้ำแข็งใส่น้ำหวานอัดเป็นแท่งราคา 1 สตางค์, บุหรี่ตรากลองซอง 3 สตางค์, บุหรี่ตรานกอินทรีซองละ 5 สตางค์, บุหรี่ตราจิ้งจก ตราแม็กนั่ม และการิคกระป๋องละ 50 สตางค์, บุหรี่สี่กัก (ทำที่สี่กักพระยาศรี) ห่อด้วยใบตอง ห่อหนึ่งมี 5 มวนและ 100 มวน ราคาไม่กี่สตางค์,
เหล้าตราขาวขวดละ 3.50 บาท, กางเกงแพรตัวละ 3.5 บาท, รองเท้าท็อปบู๊ทตัดวัดเท้าราคาคู่ละ 12 บาท, ที่ดินในสวนแถวบางลำพู (นอกกำแพงพระนคร) ประมาณ 10 ไร่ ราคา 8 ชั่ง, บ้านไม้สัก หลังใหญ่มากราคา 10 ชั่ง, โสเภณีที่ถนนบ้านแขก บางลำพู ครั้งละ 50 สตางค์ แถมบุหรีตรากลอง 1 ซอง
สำหรับผ้านุ่งผ้าห่มของผู้หญิงเมื่อสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ 7 ได้ความว่ามีราคาดังนี้ ผ้าพื้นผืนละ 1 บาท, ผ้าลายมัสกาตีผืนละ 3 บาท ตรารามสูรผืนละ 4 บาท, ผ้าแถบ (จีบมัดปลาย) ผืนละสลึง
ส่วนเมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง คือก่อน พ.ศ. 2484 เสื้อผ้าของผู้หญิงมีราคาดังนี้ ผ้าป่านโรเบียดอกเมตรละ 3.50 บาท, ผ้าป่านอื่น ๆ เมตรละ 30 สตางค์ ผ้าดังกล่าวมีขายที่ร้านเมรัยและร้านการาจี, เสื้อคอแหลมตัวละ 50 สตางค์
ส่วนราคาข้าวของในปัจจุบัน [พ.ศ. 2521] มีดังนี้ ข้าวสารถังละ 100-130 บาท, ข้าวแกงหาบจานละ 5 บาท ถ้าข้าวแกงตามร้านอาหารจานละ 6-8 บาท, ข้าวหมูแดงจานละ 8 บาท, ก๋วยเตี๋ยวชามละ 5-6 บาท พิเศษชามละ 8-10 บาท, เกี๊ยวบะหมี่ชามละ 7-8 บาท, ไอศกรีมกะทิรถเข็นถ้วยละ 3 บาท,
เหล้าแม่โขงขวดกลม ขวดละ 60 บาท, โซดาขวดละ 3 บาท, น้ำอัดลมต่าง ๆ ขวดละ 3 บาท, บุหรี่กรองทิพย์ สามิต 14 และกรุงทอง 85 ซองละ 10 บาท, เสื้อเชิร์ต เสื้อฮาวายธรรมดาตัวละ 50-300 บาท, รองเท้าหนังธรรมดาคู่ละ 150-300 บาท…”
เหล่านี้เป็น ค่าครองชีพ ในอดีต ผ่านมาหลายสิบปี ค่าเงินอะไรต่าง ๆ ย่อมเฟ้อไปตามยุคสมัย คงนำมาเทียบกับปัจจุบันไม่ได้ แต่นั่นก็ทำให้เห็นสภาพการณ์ชีวิต “คนไทย” สมัยนั้นได้
หากเป็นครูขั้นต้นได้เดือนละ 4 บาท ข้าวแกงจานละ 1 สตางค์ สามารถซื้อได้ 400 จาน เทียบกับสมัยนี้ เงินเดือนครู 15,000 บาท ข้าวแกงจานละ 40-50 บาท ก็ลองเปรียบเทียบกันดู
แต่ใช่ว่าเงินเดือนครูจะอยู่ที่ 15,000 บาท เสียที่ไหน
อ่านเพิ่มเติม :
- ทำไม รัชกาลที่ 5 งดเงินเดือนเสนาบดี-ปลัดทูลฉลองที่ขาดเฝ้าในพระราชพิธีโสกันต์?
- วิกฤต “ข้าวแพง” สมัย ร.6 รัฐบาลแก้ปัญหาข้าราชการฝรั่งขอขึ้นเงินเดือนอย่างไร?
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 มกราคม 2565