
ผู้เขียน | ผิน ทุ่งคา |
---|---|
เผยแพร่ |
ยามาดะ นางามาซะ ชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาแสวงโชคในเมืองไทย และได้ดิบได้ดีจนได้เป็น “ออกญาเสนาภิมุข” เจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น มีชื่อปรากฏอยู่ในเอกสารโบราณหลายฉบับ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อว่า ยามาดะ นางามาซะ เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์
จากปากคำของ อาจารย์ไชยวัฒน์ ค้ำชู ผู้เชี่ยวชาญเรื่องญี่ปุ่น จากคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านเคยเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า
“ก็มีนักวิชาการท่านหนึ่ง ชื่อ ดร. โทรุ ยาโน ได้เขียนบทความลงในหนังสือ ‘ชูโอโครอน’ ซึ่งเป็นนิตยสารรายเดือนกึ่งวิชาการเกี่ยวกับสังคมและเหตุการณ์ปัจจุบันหรือเหตุการณ์ในอดีตที่เกี่ยวโยงกับปัจจุบัน ที่เก่าแก่และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักวิชาการและปัญญาชนญี่ปุ่น”
“ท่านระบุว่า ยามาดา นากามาซา* ไม่มีตัวตนจริง และว่าที่นักวิชาการญี่ปุ่นหลายๆ คนมักจะยกย่องบทบาทของยามาดา คล้ายกับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่นนั้น ได้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ แน่ชัดแล้วหรือยัง ถึงได้ยกย่องบทบาทกันมากมายเพียงนี้”
ดร. ยาโน ถือเป็นนักวิชาการญี่ปุ่นที่รู้เรื่องไทยเยอะคนหนึ่ง จากคำบอกเล่าของอาจารย์ไชยวัฒน์ที่กล่าวว่า “ดร. โทรุ ยาโน ท่านนี้เป็นนักวิชาการประจำศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต เคยมาทำวิจัยอยู่ที่จังหวัดยะลาเป็นเวลา 3 ปี และได้ทำวิทยานิพนต์เกี่ยวกับเรื่องบทบาทของทหารไทยในทางการเมืองเปรียบเทียบกับพม่า เคยเดินทางมาไทยบ่อยๆ และพูดภาษาไทยได้”
แต่ความเห็นของ ดร. ยาโน ถูกนักวิชาการท่านอื่นๆ ตอกกลับกันระนาว อาจารย์ไชยวัฒน์บอกว่า “เนื้อหาตามข่าวหนังสือพิมพ์อาซาฮีพูดถึง ดร. โทรุ ยาโน ว่าไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ตอนนี้มากเท่าใดนัก จากเอกสารต่างๆ ที่มีอยู่ในญี่ปุ่น แล้วก็ออกมาโต้แย้ง และเดี๋ยวนี้ในหมู่นักวิชาการญี่ปุ่นส่วนหนึ่งก็ไม่ค่อยยอมรับ ดร. โทรุ ยาโน มากนัก เพราะช่วงหลังๆ มักจะเข้าไปยุ่งกับการเมืองมากกว่าที่จะค้นคว้าทางวิชาการ”
เรื่องของ ออกญาเสนาภิมุข นี้ อาจารย์อิชิอิ โยเนะโอะ อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นที่ตอนหลังหันมาทำงานวิชาการเป็นหลักได้เคยค้นคว้าเอาไว้ซึ่งมีหลักฐานของทางฝั่งญี่ปุ่นเองที่ยืนยันได้ว่า ยามาดะ นางามาซะ นี้มีตัวตนอยู่จริง หนึ่งในนั้นก็คือ “จดหมายเหตุต่างแดน” ที่บันทึกโดยพระนิกายเซ็น ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการร่างใบเบิกร่องประทับตราแดง (ใบอนุญาตในการแต่งสำเภาเดินทางไปค้าขายกับประเทศต่างๆ) ที่ระบุว่า
“ยามาดะ นินซาเอมอง คนหามเกี้ยวของ โอคุโบะ จิเอมอง ได้ไปสยาม เวลานี้มีข่าวว่ารับราชการอยู่ที่นั่น”

นอกจากนี้ยังมีพระราชสาส์นต้นฉบับซึ่งเป็นพระราชหัตถเลขาของพระมหากษัตริย์อยุธยา ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรไทยลงไปใน “สุพรรณบัตร” มีใจความว่า พระองค์ทรงเห็นชอบที่จะให้ ยามาดะ นางามาซะ เป็นหัวหน้าชาวญี่ปุ่นโดยได้พระราชทานยศและราชทินนามเป็นขุนชัยศร แม้ว่าพระราชสาส์นต้นฉบับมิได้หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังมีฉบับที่แปลเป็นภาษาจีนที่เรียกว่า “คัมบุง” รวบรวมอยู่ใน “หนังสือติดต่อกับต่างประเทศ”
และจากการที่ ยามาดะ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จากคนหามเกี้ยวขึ้นไปเป็น “ออกญา” ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี [จากการค้นคว้าของ อิวาโอะ เซอิอิชิ พบว่า ยามาดะ ถึงอยุธยาในปี พ.ศ. 2155 และน่าจะได้เป็นออกญาเสนาภิมุขอย่างช้าที่สุดในปี พ.ศ. 2171] ทำให้คนญี่ปุ่นยุคหลังพากันยกให้เขาเป็นยอดคน เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคปิดประเทศเรื่องราวเล่าขานถึงยามาดะ จึงยิ่งเลยเถิดเกินจริงไป
อาจารย์อิชิอิบอกว่า แม้ว่า ยามาดะ จะได้เป็น “ออกญาเสนาภิมุข” ซึ่งเป็นยศชั้นสูงสุดของขุนนางอยุธยา แต่โดยทำเนียบขุนนางก็เป็นเพียงตำแหน่งหัวหน้ากรมอาสาญี่ปุ่นเท่านั้น ขณะที่ตำนานบางสำนวนเล่าว่า ท่านไปเป็นถึงสมุหนายก หรือสมุหกลาโหม บางสำนวนไปไกลถึงขั้นบอกว่าเป็น “ราชาน้อย” ทั้งที่แท้จริงแล้ว ยามาดะเพียงได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
และจุดจบแบบดราม่า ที่ยามาดะต้องมาตายเพราะถูกยาพิษจากออกญากลาโหมผู้ทะเยอทะยาน ขณะที่เขาทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินอย่างภักดี ทำให้มันกลายเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมที่ตรึงตราใจใครหลายๆ คน จนมีการนำเรื่องราวของยามาดะไปดันแปลงเป็นสื่อบันเทิงหลายเรื่องนับแต่ปี พ.ศ. 2469 เป็นต้นมา เช่นภาพยนตร์เรื่อง “พระเจ้าทรงธรรมผู้เปี่ยมเมตตา”, “ออกญากลาโหมผู้ทรยศ”, “นางามาซะบุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความภักดีและกล้าหาญ”
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่แต่งขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยกับญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในฐานะพันธมิตรร่วมสงคราม จึงอดมองไม่ได้ว่ามีเจตนาแฝงทางการเมืองด้วยหรือไม่ และด้วยความที่เรื่องราวของยามาดะ มักปรากฏในรูปแบบของวรรณกรรมมาก ทำให้ชีวิตของเขาดูเป็นนิยาย จึงไม่แปลกที่หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าเขาไม่ใช่บุคคลที่มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์
อ่านเพิ่มเติม :
- ย้อนรอย “ยามาดะ” ออกญาเสนาภิมุข ซามูไรแห่งอยุธยา และจุดจบตามข้อมูลประวัติศาสตร์
- การสืบราชสันตติวงศ์ สมัยอยุธยา ในบันทึกชาวต่างชาติ
- “ออสุต” ล็อบบี้ยิสต์ กิ๊กมหาภัยในกรุงศรีอยุธยา กับสามีลับ 3 คน
หมายเหตุ : *ยามาดะ นางามาซะ – ยึดการสะกดตามต้นฉบับเดิม
อ้างอิง :
“ยามาดา นากามาซา กับประวัติศาสตร์ไทย-ญี่ปุ่น”, ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2530.
ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 600 ปี. อิชิอิ โยเนะโอะ, โยชิกาวะ โทชิฮารุ. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2530.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2559