ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
“ออสุต” ล็อบบี้ยิสต์ กิ๊กมหาภัยในกรุงศรีอยุธยา กับสามีลับ 3 คน
เรามักได้ยินคนพูดว่า ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องเชย แต่ถ้าได้รู้เรื่องของ “ออสุต” คงต้องพูดใหม่ว่า ปัจจุบันมันเชยจริง ๆ มันเอ๊าต์ ซะไม่มี!!!
“ออสุต” หรือ นางออสุต พะโค เป็นชื่อที่ฟังดูเหมือนชาวต่างชาติ และไม่ค่อยคุ้นหูนัก เธอเป็นลูกสาวมอญที่เกิดและโต ระหว่างปลายแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ต่อสมเด็จพระนารายณ์
แม้ชื่อจะไม่คุ้นหู หากแต่ชื่อบุคคลที่เธอมีปฏิสัมพันธ์ ล้วนเป็นผู้มากบารมีที่มีอิทธิพลกับบ้านเมือง
เธอสัมพันธ์กับใคร ใครที่เธอสัมพันธ์ด้วยมีความสําคัญอย่างไรกับราชสํานักกรุงศรีอยุธยา
เธอมีสามีลับ 3 คน ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ และมีอิทธิพลทางการค้ากับสยามในขณะนั้น
สามีลำดับที่ 1 คือ นายยาน ฟาน เมียร์ ไวค์ พ่อค้าชาวดัตช์ที่มาค้าขายในสยาม สามีลําดับที่ 2 คือ นายฟาน ฟลีต (เยเรเมียส ฟาน ฟลีต) ซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีค้าขาย ของบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา หรือก็คือ วันวลิต ผู้บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ของประเทศสยาม ไว้เป็นเล่มหนังสือชื่อ “จดหมายเหตุวันวลิต” สามีลําดับที่ 3 คือ นายฟาน เมาเดน หัวหน้าสถานีค้าขาย ของบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา
นอกจากนี้ เธอยังมีสายสัมพันธ์กับบุคคลระดับสูงในราชสํานักกรุงศรีอยุธยา
บันทึกของวันวลิต-สามีลับลําดับที่ 2 ของเธอ กล่าวว่า “4 มกราคม ค.ศ. 1637 (พ.ศ. 2180) วันที่ 4 มกราคม ออสุต พะโค (อดีตภรรยาลับของ เมียร์ไวค์) แจ้งกับข้าพเจ้าว่าช่วงเช้าของวันนั้น
พระธิดาองค์หนึ่งของพระราชินี ได้เรียกนางไปที่พระราชวัง และบอกกับนางว่า พระราชินีเคยมีพระประสงค์ที่จะส่งนางกํานัลคนหนึ่งในตําหนักของพระนางมาให้ข้าพเจ้า เพราะพระนางแน่ใจว่า ข้าพเจ้าได้รับความเดือดร้อน และรู้สึกเจ็บช้ำเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติของพระเจ้าแผ่นดิน
แต่พระราชินีทรงระงับความตั้งใจที่จะส่งเด็กสาวนั้นมาให้ข้าพเจ้าเสียแล้ว เพราะความกลัว (ว่า บรรดานางสนมคนอื่น ๆ ที่มีความริษยาจะนําเรื่องนี้ไปเพ็ดทูลพระเจ้าแผ่นดิน)
…ออสุต พะโค บอกกับข้าพเจ้าอีกว่า พระราชินีทรงเสียพระทัยและขัดเคืองพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ต่อสิ่งที่พระเจ้าแผ่นดินทรงกระทำ เพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่เคยประณามชาวต่างชาติอย่างรุนแรงเยี่ยงนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้ พระนางจึงต้องการวิงวอนไม่ให้ข้าพเจ้าคิดไปในทางร้าย และเขียนรายงานไปถึงกษัตริย์ และผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้า…”
ฟังดูอาจคิดว่า ออสุตอาศัยบารมีของสามีลับที่กุมอำนาจทางการค้า หากความจริงเป็นการสมประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย และเธอเองก็มีความสามารถเฉพาะตัวอยู่ไมน้อย
เพราะเธอรู้จักบุคคลระดับผู้นำในแวดวงต่าง ๆ และรู้จักวิธีการที่จะติดต่อกับบุคคลเหล่านั้นที่แตกต่างกันไป นี่คือจุดแข็งของออสุต ด้วยก่อนหน้านั้น สถานะความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท VOC กับทางราชสำนักกรุงศรีอยุธยาค่อนข้างตกต่ำ นายโยส เซเต็น (หัวหน้าสถานคนเก่า) เคยแจ้งกับนายวันวลิตที่ถูกส่งมารักษาการแทนเขาที่ต้องเดินทางไปปัตตะเวียว่า สาเหตุอาจมาจากการไม่รู้เรื่อง “ธรรมเนียมปฏิบัติในการติดต่อกับทางราชสำนัก”
และนี่คือจุดเริ่มแรกที่นำนางออสุตมาสู่ราชสำนัก และสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ ที่ทำให้นางกลายเป็นผู้หญิงทรงอิทธิพลทางการค้าในอยุธยา ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษถัดมา
นางออสุตเริ่มมีบทบาทในการเป็น “ตัวเชื่อม” ของบริษัท VOC กับทางราชสำนักสยามประมาณ ปี ค.ศ. 1636 (พ.ศ. 2179) เมื่อบริษัท VOC ต้องการกำจัด ออกหลวงศรียศ เจ้ากรมท่าให้พ้นทาง เพราะไม่เป็นมิตรกับบริษัทเท่าที่ควร
เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1636 (พ.ศ. 2179) นายฟาน ฟลีต ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าสถานีการค้าของ VOC แล้วพยายามที่จะเข้าถึงกรมวัง คือ ออกญาอุไทยธรรม เขาจึงใช้เครือข่ายของฝ่ายใน โดยให้นางออสุตติดต่อผ่านนางกำนัลของมเหสีพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งพระมเหสีองค์นี้มีพี่ชายเป็นเสนาบดีคลัง
และแน่นอนที่ นางออสุตไม่ได้ไปด้วยมือเปล่า แต่ไปพร้อมกับของกำนัลอันมีค่า ในระดับที่ผู้รับทั้งหลายพอใจ พระมเหสีจึงได้ให้นางกํานัลจัดการนําพ่อค้าให้ได้พบปะเจรจากับพระคลัง
บันทึก VOC ฉบับหนึ่งของเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1637 (พ.ศ. 2180) ระบุว่า นายฟาน ฟลีต ส่งนางออสุตพร้อมกับของกำนัลที่เหมาะสม ไปขอยืมเงินตราสยามจากภรรยาของออกญาตะนาว อดีตผู้ควบคุมการผลิตเหรียญกษาปณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน
บันทึกของ นายฟาน คุนส์ ผู้แทนพิเศษของ VOC เดือนมกราคม ค.ศ. 1651 (พ.ศ. 2194) ระบุว่า นางออสุตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภรรยาคนโปรดของออกญาสมบัติธิบาล ผู้ที่มีอิทธิพลสูงในราชสำนัก จนกล่าวกันว่า สิ่งที่ออกญาสมบัติธิบาลพูดออกมานั้น เสมือนเป็นพระราชดำรัสของพระมหากษัตริย์สยาม
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างนางออสุตและภรรยาของออกญาสมบัติธิบาลนี้ ทำให้บริษัท VOC ได้รับใบอนุญาตจากราชสำนัก ในการส่งออกข้าว และสินค้าอื่น ๆ จำนวนมาก โดยไม่ต้องนำของขวัญต่าง ๆ ไปเข้าหาเสนาบดีคลังที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการออกใบอนุญาต
นอกจากใบอนุญาตให้ค้าขายแบบบนโต๊ะแล้ว นางออสุตยังสามารถดำเนินการค้าแบบใต้โต๊ะ ผ่านเครือข่ายของเธอในราชสำนักอีกด้วย หลักฐานที่ปรากฏ คือ บันทึกของ นายฟาน ฟลีต ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1639 (พ.ศ. 2182) ที่รายงานกับทางบริษัทว่า นางออสุตสัญญาว่า จะลักลอบนำแร่ดีบุก ซึ่งเป็นสินค้าผูกขาดของหลวงมาขายให้บริษัท VOC
ความสามารถของออสุตไม่ได้เป็นเพียงคนกลางที่คอยประสานประโยชน์ทางการค้าเท่านั้น เมื่อต้องต่อสู้กับวันวลิตผู้แทนการค้าจากฮอลันดา เพื่อแย่งสิทธิที่จะเลี้ยงดูลูกสาวของเธอ ทำให้สังคมประจักษ์ว่า เธอมีฝีมือไม่ธรรมดา
เอกสารของ VOC บันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในกรณีพิพาทแย่งลูกสาวกับนายฟาน ฟลีต อดีตสามี ทางบริษัท VOC พยายามช่วยนายฟาน ฟลีต เต็มที่ ในการร้องขอให้ทางสยามส่งบุตรสาวทั้ง 3 คนไปให้เขา แต่นางออสุตไม่ยอม และอิทธิพลระดับไม่ธรรมดาของเธอในราชสำนักช่วยยื้อแย่งบุตรสาวทั้ง 3 คนให้อยู่ในสยามตราบจนนางสิ้นชีวิตในปี ค.ศ. 1658 (พ.ศ. 2201)
เรื่องราวของ ออสุต เป็นเรื่องที่เกิดมากว่า 300 ปีมาแล้ว แต่ก็ทำให้รู้ว่า คนกลางผู้ประสานผลประโยชน์ที่เราเรียกว่า “ล็อบบี้ยิสต์” มีมาตั้งแต่ปีมะโว้ รู้ว่า “กิ๊ก” มีมานานเหมือนกัน แต่เขาเรียกว่า สามี/ภรรยาลับ รู้ว่าอำนาจ และผลประโยชน์เป็นใครมีในมือมากก็มีผลประโยชน์ที่ต้องดูแลรักษา คงต้องกลับไปคิดใหม่ว่า “ปัจจุบัน” หรือ “อดีต”กันแน่ที่เชย
อ่านเพิ่มเติม :
- เปิดบันทึกพระราชพงศาวดารฯ ถึงที่มาออกหลวงสุรศักดิ์ “โอรสลับ” ในสมเด็จพระนารายณ์?
- “เรื่องเซ็กส์” สมัยกรุงศรีฯ ชาย-หญิงคิดและมีตั้งแต่อายุเท่าไหร่? แต่งหรือหนีตาม? ฯลฯ
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
ที่มา :
สุภัตรา ภูมิประภาส. “นางออสุต: เมียลับ ผู้ทรงอิทธิพลแห่งการค้าเมืองสยาม” ใน, ศิลปวัฒนธรรม กันยายน 2552.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2562