ฟางเซี่ยวหรู ขุนนางผู้ถูกลงโทษประหารชีวิต “10 ชั่วโคตร”

ฟางเซี่ยวหรู ภาพวาด
ภาพวาด ฟางเซี่ยวหรู สมัยราชวงศ์ชิง

ในประวัติศาสตร์จีน เคยมีการลงโทษที่โหดร้ายทารุณด้วยการสังหาร 3 ชั่วโคตร 7 ชั่วโคตร และประหารชีวิต 9 ชั่วโคตร แต่การถูกฆ่าล้างตระกูลไป “10 ชั่วโคตร” ดูเหมือนจะมี ฟางเซี่ยวหรู ปัญญาชนความรู้กว้างขวางผู้มีชีวิตอยู่ใน ราชวงศ์หมิง เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ฟางเซี่ยวหรู เป็นนักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งในช่วงต้นราชวงศ์หมิง เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของจักรพรรดิหมิงฮุ่ยตี้ (ครองราชย์ ค.ศ. 1398-1399) รวมถึงเป็นอาจารย์ของเหล่าขุนนางมากมาย เขาขึ้นชื่อเรื่องความจงรักภักดี มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะถวายงานรับใช้องค์ฮ่องเต้จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ปี 1399 องค์ชายจูตี้ เจ้าผูู้ครองแคว้นเอี๋ยน พระปิตุลาของจักรพรรดิฮุ่ยตี้ เปิดฉากยกทัพทำสงครามกับหลานตัวเองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์มาเป็นของตนเอง องค์ชายจูตี้เป็นฝ่ายชนะ สามารถเข้ายึดครองกรุงนานกิง เมืองหลวงของ ราชวงศ์หมิง และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ “หมิงไท่จง” ใช้ชื่อรัชศกว่า “หย่งเล่อ” (แต่คนส่วนมากมักเรียกว่าจักรพรรดิหย่งเล่อ)

เมื่อขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิหย่งเล่อต้องการกำจัดขุนนางที่เป็นฝ่ายเดียวกับจักรพรรดิฮุ่ยตี้ ฟางเซี่ยวหรูจึงโดนจับกุมตัวไปด้วย แต่ เหยากว่างเซี่ยว ขุนนางคนสนิทของพระองค์ขอร้องไม่ให้ประหาร เพราะความสามารถของฟางเซี่ยวหรูเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ การได้มาช่วยงานจะเป็นผลดีมากกว่า ซึ่งจักรพรรดิก็เห็นด้วย

จักรพรรดิคิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้ฟางเซี่ยวหรูยอมศิโรราบ ด้วยการให้เป็นผู้ร่างราชโองการประกาศการขึ้นครองราชย์ จึงให้องครักษ์เสื้อแพรนำตัวมาเข้าเฝ้า ฟางเซี่ยวหรูแต่งตัวในชุดไว้ทุกข์ให้จักรพรรดิพระองค์ก่อน เมื่อจักรพรรดิหย่งเล่อเห็นดังนั้นจึงทรงพระพิโรธเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามอดกลั้นอารมณ์ไว้ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยอมสวามิภักดิ์

ฟางเซี่ยวหรูไม่พูดอะไรและยังทำเมินใส่ จักรพรรดิหย่งเล่อจึงให้นำตัวขุนนางคนอื่นที่ไม่ยอมศิโรราบต่อพระองค์มาตัดลิ้น ตัดมือ เพื่อเป็นการข่มขู่ แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน องค์จักรพรรดิจึงให้นำตัวไปขังไว้

จักรพรรดิยังคงเกลี้ยกล่อมให้ปราชญ์ผู้นี้ยอมสวามิภักดิ์ โดยส่งลูกศิษย์สองคนมาเจรจาพูดคุย แต่ก็ถูกฟางเซี่ยวหรูด่ากลับอย่างเจ็บแสบ ผ่านไปหลายวันองค์จักรพรรดิก็ให้พาตัวเขามาในวัง และเกลี้ยกล่อมว่าที่เข้าเมืองหลวงมาก็เพื่อขุดรากถอนโคนขุนนางกังฉินของจักรพรรดิองค์ก่อน ไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิจะเผาตัวเองฆ่าตัวตาย โอรสของพระองค์ก็ยังเด็กไม่สามารถปกครองประเทศได้ ตนจึงจำต้องขึ้นครองราชย์แทน

ฟางเซี่ยวหรูเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มเยาะ เมื่อขันทีนำกระดาษและพู่กันมาวางไว้ตรงหน้า บังคับให้ร่างราชโองการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิหย่งเล่อ เขาก็หยิบพู่กันขึ้นมาแล้วขว้างลงพื้น และตอบกลับไปว่า

“จะฆ่าก็ฆ่า อย่างไรเสียข้าก็ไม่เขียน”

จักรพรรดิหย่งเล่อเดือดดาลอย่างมาก พูดเสียงแข็งว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะสังหารตระกูลเจ้าไป 9 ชั่วโคตรเลยหรือ”

ฟางเซี่ยวหรูจึงตอบกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยวว่า อย่าว่าแต่ 9 ชั่วโคตรเลย แม้แต่ 10 ชั่วโคตรก็ย่อมได้ !!”

จักรพรรดิหย่งเล่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สั่งลงโทษประหารฟางเซี่ยวหรูด้วยการตัดมือและเท้า แล้วเชือดคอ คนในครอบครัวฟางเซี่ยวหรูเมื่อรู้ข่าว เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลไว้ ภรรยาและลูกชายทั้ง 2 คน จึงผูกคอฆ่าตัวตาย ส่วนลูกสาว 2 คนก็ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดแม่น้ำ

แม้จักรพรรดิหย่งเล่อจะประกาศประหารตระกูลของฟางเซี่ยวหรูไปแล้ว แต่ก็ยังไม่หายแค้น จึงลงโทษประหารชีวิตลูกศิษย์และเพื่อน ๆ ของเขาอีก รวมแล้วมีผู้ถูกประหารไปทั้งสิ้น 873 คน นอกจากนี้ยังมีพระบรมราชโองการว่า หากผู้ใดมีหนังสือที่เขียนโดยฟางเซี่ยวหรูไว้ในครอบครองจะต้องโดนลงโทษประหารชีวิตอีกด้วย

นี่คือเรื่องราวของ ฟางเซี่ยวหรู ขุนนางผู้จงรักภักดี ยึดมั่นในความถูกต้องยุติธรรม แม้จะต้องถูกประหาร 10 ชั่วโคตร ก็ไม่หวั่น ทำให้ถูกจารึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์จีนจนถึงทุกวันนี้

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 เมษายน 2566