พิษรักแรงหึง และเรื่องเพศสุดวิปริตยุคต้นราชวงศ์ฮั่น เผยมุมมืดเจ้าศักดินาจีน

หญิง ชาย นอน ป้อน ชา

เจ้าศักดินาจีนในยุคต้นราชวงศ์ฮั่น (ซีฮั่น) ได้รับการกล่าวถึงว่า มีพฤติกรรม “เรื่องเพศ” สำส่อนและเสเพลอยู่ในวังของตนเอง ในขณะที่ฮ่องเต้หรือในพระราชวังหลวงเอง แม้จะมีเรื่องเพศที่หวือหวาไม่แพ้เจ้าศักดินา แต่ก็ไม่ย่อหย่อนคุณธรรมเท่า ด้วยมีจารีตประเพณีในพระราชวังเป็นกรอบกำหนดพฤติกรรมไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางไว้อยู่

จีนในยุคก่อนหน้านี้คือยุคราชวงศ์โจว เจ้าศักดินายึดระเบียบ จารีต และประเพณีโบราณไว้อย่างเคร่งครัด พวกเขามักเลือกภรรยาที่มีชาติตระกูลดี เป็นผู้ดีชนชั้นสูงจากแคว้นต่าง ๆ มาเป็นภรรยา ซึ่งพวกนางได้รับการอมรบสั่งสอนมาอย่างดี มีมารยาทดี ผิดกับยุคราชวงศ์ฮั่นตอนต้นนี้ ซึ่งผู้หญิงคนใดหากมีรูปร่างหน้าตาสวยงามเป็นที่ต้องใจของบรรดาเจ้าศักดินาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติตระกูลและกิริยามารยาทอันใดของผู้ที่จะมาเป็นภรรยา นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้วังของเจ้าศักดินาเกิดข่าวฉาว “เรื่องเพศ” เสมอ

Advertisement

พระญาติของพระเจ้าเสี้ยวจิ่งตี้ (ฮั่นจิงตี้, ครองราชย์ พ.ศ. 387-403) ฮ่องเต้พระองค์ที่ 6 ของราชวงศ์ฮั่น ล้วนแต่เป็นพวกมักมากในกาม คุณธรรมเสื่อมทราม พฤติกรรมทางเพศเละเทะ ที่ถูกบันทึกไว้ในบทที่ 35 ของจดหมายเหตุฮั่นซู ดังตัวอย่างเช่น

ชี่ เจ้าศักดินา มีภรรยาที่รักมาก 2 คน ชื่อ หวางเจาผิง และ หวางตี้สี แต่เมื่อชี่ป่วย ภรรยาอีกคนชื่อ เจาซิ่น มาคอยปรนนิบัติดูแล จนทำให้ชี่โปรดปรานเจาซิ่นมากอีกคน นั่นเป็นเหตุให้เกิดความริษยาขึ้นในวัง ครั้งหนึ่ง ชี่จับได้ว่า หวางตี้สีแอบซ่อนมีดสั้นไว้ในแขนเสื้อ สอบสวนจนทราบว่า นางร่วมมือกับหวางเจาผิง หมายสังหารเจาซิ่นเพราะมีความรู้สึกอิจฉา ชี่จึงหาตัวหวางเจาผิงมาสอบสวน ใช้เหล็กเผาไฟนาบตามตัว จนนางยอมรับสารภาพ จากนั้น ชี่ได้สังหารหวางตี้สี ตัดหัวนางด้วยมือของตนต่อหน้าภรรยาทุกคน และยังให้เจาซิ่นเป็นคนลงมือสังหารหวางเจาผิงเองอีกด้วย

พระเจ้าเสี้ยวจิ่งตี้ (ฮั่นจิงตี้, ครองราชย์ พ.ศ. 387-403)

เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ เจาซิ่นก็เกิดความรู้สึกริษยาภรรยาอีกคนหนึ่งของชี่ ชื่อ วั่งชิน เจาซิ่นใส่ร้ายกล่าวหาว่า นางเคยเปลื้องผ้าต่อหน้าช่างเขียนภาพเหมือน และแอบเป็นชู้กับชายอื่น วั่งชินถูกสอบสวนอย่างโหดร้าย ด้วยเหล็กเผาไฟนาบตามตัว นางพยายามจะกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายเพราะรับสภาพไม่ไหว แต่เจาซิ่นสั่งให้คนลากตัวนางขึ้นมาจากบ่อน้ำ แล้วเอาแท่งไม้ทะลวงช่องคลอดนาง ตัดจมูก ลิ้น และริมฝีปากทิ้ง จนวั่งชินถึงแก่ความตาย

หยงอ้าย ภรรยาของชี่กอีกคนหนึ่งที่ถูกเจาซิ่นสังหาร นางถูกใส้ร้ายหวังกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย แต่เจาซิ่นสั่งให้คนลากตัวนางขึ้นมาจากบ่อน้ำ สอบสวนอย่างโหดร้ายจนหยงอ้ายสารภาพว่าคบชายชู้จริง นางจึงถูกมัดกับเสา ถูกมีดเผาไฟนาบตาทั้งสองข้าง เฉือนเนื้อก้นทิ้ง จากนั้นถูกกรอกปากด้วยน้ำตะกั่วเหลว จนถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ เจาซิ่นยังได้สังหารผู้หญิงไปอีกกว่า 14 คน

ไห่หยาง ลูกชายของชี่ ก็ไม่ได้ดีกว่าไปกว่าพ่อ มีพฤติกรรมแหลกเหลวไม่แพ้กัน เขาให้คนวาดภาพชายหญิงกำลังเสพกามไว้ตามผนังตามกำแพง แล้วให้ญาติชายหญิงมามั่วสุมหาความสำราญกันที่นั่น เอกสารประวัติศาสตร์จีนหลายชิ้นมักยัดเยียดให้เขาเป็นผู้ริเริ่มงานวาดภาพเปลือย (Pornographic Drawing) เป็นคนแรก แต่เรื่องนี้ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่

ยุ่ย ชายหนุ่มเจ้าศักดินาที่ป่วยเป็นโรค ยินเวย คืออาการที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่เต็มที่ ไม่สามารถร่วมเพศได้ ยุ่ยจะมีอาการกำเริบต่อเมื่อถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง ทว่า เขามีเด็กหนุ่มคู่ขาที่เขาหลงรักอยู่คนหนึ่ง แต่เมื่อพบว่า เด็กหนุ่มคู่ขาแอบมั่วสวาทกับหญิงในวังของเขา ยุ่ยจึงสังหารเด็กหนุ่มคู่ขาด้วยมือของตนเอง

เจี้ยน เจ้าศักดินาอีกคนที่มักมากในกาม เขาขืนใจพี่สาวน้องสาวของตนเอง เขามีวิธีหาความสำราญอย่างโหดเหี้ยม ด้วยการให้คนโยนเด็กหนุ่มและหญิงสาวลงในบ่อน้ำ แล้วจับกดน้ำจนตาย นอกจากนี้ เจี้ยนยังจับผู้หญิงในวังที่ได้กระทำความผิดมาเปลือยกาย แล้วให้ยืนตีโมงยามอยู่ในห้องโถง ไม่ก็จับผู้หญิงเหล่านี้แขวนไว้กับต้นไม้ในสภาพเปลือยอยู่นานหลายวัน หรือให้พวกนางอดข้าวจนตาย ที่เลวร้ายที่สุดคือ เจี้ยนสั่งให้นางกำนัลในวังนอนเปลือยกายคว่ำกับพื้น แล้วให้ร่วมเพศกับสุนัขและแพะตัวผู้

เรื่องฉาวคาวโลกีย์เหล่านี้เมื่อทราบไปถึงฮ่องเต้ ก็ทรงลงโทษอย่างรุนแรง พระเจ้าเสี้ยวจิ่งตี้ได้ปลดชี่ออกจากตำแหน่งและฐานะเจ้าศักดินา ประหารเจาซิ่น ภรรยาผู้เหี้ยมโหดอมหิตกลางตลาด แล้วทิ้งศพประจาน

อ่านเพิ่มเติม 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

อดุลย์ รัตนมั่นเกษม. (2548). เรื่องเพศในวัฒนธรรมจีน 4,000 ปี. กรุงเทพฯ : ตถาตา พับลิเคชั่น.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 สิงหาคม 2563