ผู้เขียน | กมลวรรณ ยุทธศิลป์ |
---|---|
เผยแพร่ |
จินโทนิค (Gin and Tonic) จากยารักษาโรคมาลาเรีย กลายเป็นค็อกเทลคลาสสิกสุดฮิต ได้อย่างไร ?
ค็อกเทล (Cocktail) ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีในปัจจุบันอย่าง “จินโทนิค” นั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และน่าสนใจกว่าที่คิด โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย และค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
จุดเริ่มต้นมาจากโรคมาลาเรีย ?
ทุกอย่างเริ่มต้นจากการค้นพบ “ควินิน” (Quinine) สารสกัดจากเปลือกต้นซินโคนา (Cinchona) มีสรรพคุณในการรักษาโรคมาลาเรีย (Malaria) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ไข้ป่า” โรคจากยุงก้นปล่องที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากในอดีต โดยเฉพาะในเขตร้อนชื้น
จอร์จ คลีโกรน์ (George Cleghorn) แพทย์ชาวสก็อตแลนด์ได้ศึกษาสรรพคุณของควินิน การค้นพบของเขาได้เปิดทางให้มีการนำควินินมาใช้รักษาโรคมาลาเรียอย่างแพร่หลาย
คลีโกรน์ไม่เพียงแค่ค้นพบสรรพคุณของควินินเท่านั้น แต่เขายังมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับควินิน และการรักษาโรคมาลาเรีย ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้เหล่านักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย เพื่อหาวิธีรักษาที่ดียิ่งขึ้น
![ควินินจากเปลือกต้นซินโคนา](https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2024/12/ภาพประกอบ-ควินินจากเปลือกต้นซินโคนา.jpg)
จากยารักษาโรคสู่ค็อกเทลสุดฮิต
เนื่องจากรสชาติของควินินนั้นขมมาก ผู้คนจึงพยายามหาวิธีที่จะทำให้ควินินมีรสชาตินุ่มนวลขึ้น จึงนำมาผสมกับน้ำอัดลม และน้ำตาล ทำให้เกิดเป็นเครื่องดื่ม เรียกว่า “โทนิควอเตอร์” (Tonic water) ต่อมา ทหารอังกฤษประจำการในอินเดียได้นำโทนิควอเตอร์มาผสมกับเหล้าจิน (Gin) เพื่อกลบรสขม
ภายหลังศัลยแพทย์ทหารเรือชาวสก็อต เจมส์ ลินด์ (James Lind) พบว่ามะนาวนอกจากจะช่วยลดความขมของควินินแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่ทหารเรือมักจะเป็นกัน ทำให้โทนิควอเตอร์กลายเป็นเครื่องดื่มที่ทั้งอร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
จากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ผู้คนจึงนิยมนำจิน โทนิควอเตอร์ และมะนาว มาผสมกัน ทำให้เกิดเป็น “จินโทนิค” ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
จินโทนิคไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม แต่ยังเป็นตัวแทนของการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และวัฒนธรรม การเดินทางของมันจากยารักษาโรคสู่เครื่องดื่มยอดนิยม เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคม และรสนิยมของผู้คน
ปัจจุบัน ค็อกเทลนี้ยังคงเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับปรุงสูตรอยู่ตลอดเวลา และในอนาคตก็จะยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มคลาสสิกที่ได้รับความนิยมต่อไป
![ตัวอย่างเหล้าจินและโทนิควอเตอร์](https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2024/12/ภาพประกอบ-ตัวอย่างเหล้าจินและโทนิควอเตอร์-683x1024.jpg)
อ่านเพิ่มเติม :
- เบียร์-ไวน์-เหล้า-กาแฟ-ชา-โคลา: เครื่องดื่มเล่าประวัติศาสตร์
- “เหล้าอุ” เครื่องดื่มเลี้ยงแขกบ้านแขกเมืองของชาวภูไท
- กว่าจะเป็น “แม่โขง” สุราไทย กับ “จุล กาญจนลักษณ์” ชายผู้อยู่เบื้องหลัง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9714995/
https://www.rcpe.ac.uk/heritage/heritage-blog/george-cleghorn-surgeon-anatomist
Simonetti, O., Contini, C., & Martini, M. (2022). The history of Gin and Tonic; the infectious disease specialist long drink. When gin and tonic was not ordered but prescribed. Le infezioni in medicina, 30(4), 619–626. https://doi.org/10.53854/liim-3004-18
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 ธันวาคม 2567