“สมัน” สูญพันธุ์จากโลก เหตุเพราะขุด “คลองรังสิต” กินพื้นที่กว่า 1 ล้านไร่

สมัน หรือ เนื้อสมัน สูญพันธุ์ เพราะ ขุด คลองรังสิต
(ซ้าย) ภาพเขียนสมันเมื่อทศวรรษ 1890 (ขวา) สมันตัวผู้ในสวนสัตว์เบอร์ลิน ถ่ายเมื่อ ค.ศ. 1911 (ภาพโดย Internet Archive Book Images ใน Flickr.com และ Wikimedia Commons)

สมัน สูญพันธุ์จากโลก เหตุเพราะขุด “คลองรังสิต” กินพื้นที่กว่า 1 ล้านไร่

การเข้าจัดการพื้นที่ป่าย่อมทำลายแหล่งที่อยู่ของสัตว์นานาชนิดอย่างไม่ต้องสงสัย หนึ่งในนั้นคือ “สมัน” หรือ “เนื้อสมัน” ซึ่งมีที่เดียวในโลก คือ ที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทย เมื่อมีการบุกเบิกพื้นที่ “ทุ่งรังสิต” เพื่อดำเนินการขุด “คลองรังสิต” กินพื้นที่กว่า 1 ล้านไร่ สมันซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวจึงได้รับผลกระทบ ล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ กระทั่ง สมัน สูญพันธุ์ในที่สุด

สมันตัวผู้ในสวนสัตว์เบอร์ลิน ถ่ายใน ค.ศ. 1911 (ภาพจาก : wikicommon)

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ เล่าถึงประเด็นเรื่องสมันไว้ในผลงานเล่มล่าสุดของเขา “The Lost Forest ประวัติศาสตร์ (การทำลาย) สิ่งแวดล้อมไทยและสงครามแย่งชิงทรัพยากร” (สำนักพิมพ์มติชน) ว่า

สมัน หรือ เนื้อสมัน ได้รับการยอมรับว่าเป็นกวางที่มีเขาสวยงามที่สุดในโลก เพราะตัวผู้จะมีเขาแตกแขนงออกไปมากมายเหมือนกิ่งไม้ โค้งสวยงาม ลำเขาด้านบนมักแตกแขนงออกเป็น 2 แขนงเรื่อยๆ อีก 2-3 ชั้น ซึ่งแต่ละครั้งที่เขาแตกแขนงมักทำมุมแยกออกไปเท่ากับลำกิ่งเดิม

สมันมีถิ่นอาศัยที่เดียวในโลก คือ ที่ราบลุ่มภาคกลางของไทยแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำแถบทุ่งรังสิต พระโขนง สำโรง บางปู บางบ่อ และกินพื้นที่ไปยังสมุทรสาคร

เมื่อก่อนสมันมีอยู่ชุกชุม แต่เมื่อสยามลงนามใน “สนธิสัญญาเบาว์ริง” เมื่อ พ.ศ. 2398 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดการเปิดประเทศรับชาติตะวันตก เปลี่ยนการค้าแบบเดิมที่เป็นการผูกขาดไปสู่การค้าเสรี ทำให้การผลิตเป็นไปเพื่อการส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะ “ข้าว”

ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดการขยายพื้นที่ทำนาอย่างมหาศาล เกิดการขุดคลองที่ช่วยด้านการคมนาคม การชลประทาน และการขนส่งข้าวออกจากพื้นที่ ซึ่งพื้นที่สำคัญในการปลูกข้าว คือ ทุ่งรังสิต มีการขุด “คลองรังสิต” เพื่อเอื้อต่อการทำนา

ทศวรรษที่ 2430 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม เริ่มดำเนินการขุดคลองรังสิต ช่วง 5-6 ปีแรกบริษัทขุดคลองได้น้อยและไม่สม่ำเสมอ กระทั่ง พ.ศ. 2440 ก็เริ่มขุดคลองได้มากขึ้น จนในที่สุดพื้นที่นา 2 ฝั่งคลองก็มีกว่า 1.3 ล้านไร่

เมื่อ “คน” เข้าไปครอบครองพื้นที่ “สัตว์” ก็ต้องล่าถอย สมันที่เคยมีเป็นจำนวนมากในบริเวณนั้นก็เริ่มถูกชาวบ้านไล่ล่ามากขึ้น

คลองรังสิตขุดขึ้นครั้งแรกโดยบริษัทขุดคลองคูนาสยาม (ภาพจาก “ประวัติคลองรังสิต การพัฒนาที่ดินและผลกระทบต่อสังคม พ.ศ. 2431-2457” )

วันชัย ยกถ้อยความของ พระยาชลมาร์คพิจารณ์ ที่เล่าถึงการล่าสมันสมัยนั้นว่า

“เนื้อสมันมีชุมมากตามทุ่งรังสิต…ในฤดูน้ำท่วมเนื้อนี้จะหนีน้ำขึ้นไปอยู่ตามเกาะที่ดอน ชาวบ้านก็ชวนกันไปด้วยเรือม่วงแล้วไล่แทงเอาตามใจชอบอย่างง่ายดาย ในฤดูร้อนบางคนก็เอาเขาสมันมาตาก หรือตะไบข้างหลังออกทำให้น้ำหนักเบาขึ้น แล้วก็สวมติดไปบนศีรษะคลานเข้าไปได้จวนถึงตัวสมัน แล้วก็แทงเอาอย่างง่ายดาย เพราะมันไม่ใคร่หนี นึกว่าเป็นพวกเดียวกัน เนื้อสมันในสมัยนั้นมีชุมไปจนถึงตำบลบางปลากดและทุ่งดงลครในนครนายก ชาวบ้านทุ่งดงลครในหน้าน้ำท่วม มักชอบชวนกันขี่ควายไปล้อมแทงเนื้อสมันซึ่งหนีน้ำไปอาศัยตามเกาะที่ดอน…”

สมัน หรือ เนื้อสมัน ค่อยๆ ลดจำนวนลงเรื่อยๆ กระทั่ง พ.ศ. 2475 สมันในธรรมชาติตัวสุดท้ายถูกนายตำรวจคนหนึ่งยิงตาย แต่ก็ยังมีการเลี้ยงสมันอยู่บ้าง

พ.ศ. 2481 พระยาวินิจวนันดรรับราชการในกรมป่าไม้ ทราบว่ามีสมภารเลี้ยงสมันตัวผู้ที่วัดแถวมหาชัย จึงรีบให้คนไปซื้อมาเลี้ยง แต่ไปช้าเพียงวันเดียว เพราะมีคนเมาสุราเดินมาเห็นสมันยืนขวางทาง จึงตีสมันจนตาย สมันตัวสุดท้ายจึงสูญพันธุ์จากโลก

การพัฒนาพื้นที่ทุ่งรังสิตเพื่อขุด “คลองรังสิต” แม้ได้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องแลกมาด้วย “สมัน” ที่หลงเหลือเพียงชื่อให้คนยุคนี้จินตนาการถึงเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์. The Lost Forest ประวัติศาสตร์ (การทำลาย) สิ่งแวดล้อมไทยและสงครามแย่งชิงทรัพยากร. กรุงเทพฯ : มติชน, 2567

เสมียนนารี. “‘คลองรังสิต’ เมกะโปรเจกต์สมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยน ‘ป่า’ เป็น ‘นา’ นับล้านไร่”.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 เมษายน 2567