“พระปิณโฑลภารทวาชะ” พระอรหันต์ที่อวดอิทธิฤทธิ์ จนพระพุทธเจ้าตำหนิ และบัญญัติเป็นข้อห้าม

พระปิณโฑลภารทวาชะ พระอรหันต์
ภาพจิตกรรมฝาผนัง พระพุทธเข้า กับพระอัครสาวก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ (ภาพจาก เว็บไซต์สถาบันไทยคดีศึกษา (tkriart.com/front))

พระปิณโฑลภารทวาชะ เป็นบุตรพราหมณ์ระดับเศรษฐี แห่งเมืองราชคฤห์ ภายหลังออกบวชในสำนัก ของพระพุทธเจ้า ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมด้วยความพากเพียรไม่นาน ก็บรรลุพระอรหัตปราศจากกิเลส ท่านได้อรหัตผลพร้อมอภิญญา (ความสามารถเหนือสามัญวิสัย) มีอิทธิฤทธิ์

ท่านถึงกับประกาศอย่างองอาจว่า “ใครสงสัยในเรื่องมรรคผล นิพพาน ให้มาถามข้าพเจ้าได้” 

Advertisement

ครั้งหนึ่งพระเจ้าอุเทน เมืองโกสัมพี สนทนาธรรมกับพระปิณโฑลภารทวาชะ ได้ตรัสถามขึ้นว่า เพราะเหตุใด สมณะหนุ่มในพระพุทธศาสนาจึงบวชอยู่ได้ตลอดชีวิต ทั้งๆ ที่สตรีก็สวยงามมีจํานวนมากก็ไม่ยินดี

พระปิณโฑลภารทวาชะตอบว่า พระพุทธองค์ทรงสอนให้คิดว่าเป็นมารดา ในสตรีที่อายุปูนมารดา คิดว่าเป็นพี่สาวน้องสาว ในสตรีที่อายุปูนพี่สาวน้องสาว ท่านเหล่านั้นจึงประคองพรหมจรรย์ไว้รอดปลอดภัย

พระเจ้าอุเทนตรัสว่า บางครั้งบางคราวความรักก็เกิดขึ้นได้กับสตรีอายุปูนแม่หรือปูนพี่สาวน้องสาวได้

พระปิณโฑลภารทวาชะตอบว่า พระพุทธองค์ทรงสอนให้พิจารณาร่างกายโดยความไม่งาม ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ ว่าเป็นสิ่งปฏิกูล ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความกําหนัดยินดี ด้วยเหตุนี้ภิกษุเหล่านั้นก็สามารถประคองตนรอดปลอดภัยได้

พระเจ้าอุเทนซักว่า สําหรับพระเถระหรือผู้อบรมจิตจนกล้าแข็งแล้วก็ยกไว้เถิด แต่พระหนุ่มที่จิตยังไม่กล้าแข็งพอก็รู้สึกจะยาก

พระปิณโฑลภารทวาชะ ตอบว่า พระพุทธองค์ทรงสอนให้พิจารณาว่า เห็นสักแต่เห็น ได้ยินสักแต่ได้ยิน รู้สึกสักแต่รู้สึก อย่าใส่ความยินดียินร้ายลงไปด้วย ด้วยเหตุนี้ภิกษุเหล่านั้นก็ประคองพรหมจรรย์อยู่รอดปลอดภัยได้

พระเจ้าอุเทนทรงเลื่อมใสในวิธีการแสดงธรรมของพระเถระว่า ท่านสามารถหาวิธีแสดงให้พระองค์ทรงเข้าใจแจ่มแจ้งได้ดี จึงประกาศตนเป็นพุทธมามกะ นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะตั้งแต่นั้นมา

ความที่ท่านเป็นพระอรหันต์มีอิทธิฤทธิ์ คราวหนึ่งก็เกิดเรื่อง ทําให้พระปิณโฑลภารทวาชะแสดงฤทธิ์เป็นที่อัศจรรย์ แต่ถูกตําหนิโดยพระพุทธเจ้า

เรื่องมีว่า เศรษฐีคนหนึ่งได้บาตรไม้จันทน์มา ต้องการทดสอบว่ามีพระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์จริงหรือไม่ จึงเอาบาตรไปแขวนไว้บนต้นไม้ ประกาศให้พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์เหาะมาเองภายใน 7 วัน หากเกินจากนั้นไปแล้วก็ถือว่าไม่มีพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์จริง มีแต่ราคาคุย

ย่างเข้าเช้าวันที่ 7 พระโมคคัลลานะกับพระปิณโฑลภารทวาชะ กำลังเดินบิณฑบาตอยู่ ได้ยินเสียงสนทนาเชิงดูหมิ่นว่าพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์จริง พระโมคคัลลานะจึงให้พระปิณโฑลภารทวาชะแสดงฤทธิ์ไปเอาบาตรให้ประชาชนดู ท่านก็เข้าฌานมีอภิญญาเป็นบาท เหาะไปเอาบาตรใบนั้น เศรษฐีก็เลื่อมใสถวายอาหารและบาตรไม้จันทน์ให้ท่าน เมื่อท่านกลับวัดประชาชนก็แห่แหนตามส่งเสียงอื้ออึง

เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่อง ได้ตรัสเรียกพระปิณโฑลภารทวาชะมาตําหนิ แล้วรับสั่งให้ทําลายบาตร เอาผงจันทน์มาบดทํายา และทรงห้ามพระสาวกแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เพื่อลาภสักการะอีกต่อไป หรือแสดงเพื่อให้เขาอัศจรรย์ว่าเก่งจริง

ส่วน พระปิณโฑลภารทวาชะ ที่มีความสามารถในการแสดงอิทธิฤทธิ์ ก็ได้เป็นกําลังสําคัญในการประกาศพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตของท่าน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเก็บความจาก เสฐียรพงษ์ วรรณปก. 40 พระอรหันต์ บรรลุธรรมพุทธสมัย, สำนักพิมพ์มติชน กรกฎาคม 2556.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2567