ผู้เขียน | คนไกล วงนอก |
---|---|
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์, ละครทีวี, นิทานพื้นบ้าน ฯลฯ มักจะเล่าเรื่องของ “จี้กง” เป็นหลวงจีนเนื้อตัวมอมแมมสกปรก นุ่งห่มจีวรเก่าๆ ขาดๆ ที่ปะชุนด้วยเศษผ้าไปทั่ว ถือพัดใบลานผุๆ พังๆ สะพายน้ำเต้าบรรจุเหล้าไว้ที่ข้างกาย แถมยังชอบผิดศีลดื่มเหล้ากินเนื้อ (ปกติพระมหายานฉันมังสวิรัติ)
จี้กงมักปรากฏตัวในที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วยทุกข์ยาก หรือปราบปีศาจที่เข้ามาก่อกวนหมู่บ้าน ด้วยวิธีการแปลกประหลาด เช่น การเอาขี้ไคลมาปั่นเป็นยาลูกกลอน หรือการใช้อิทธิปาฏิหาริย์ช่วยเหลือชาวบ้าน
แต่ “จี้กง” เป็นตัวละครที่มีตัวตนจริงๆ
จี้กง (ค.ศ. 1130-1209) นามเดิมว่า หลี่ซิวหยวน เป็นบุคคลในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ ครอบครัวของจี้กงชอบทำบุญและฝักใฝ่ในพุทธศาสนา จี้กงจึงผูกพันกับศาสนาและออกบวชตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับฉายาว่า “เต้าจี้” จําพรรษาอยู่ที่วัดกั๋วชิงซื่อ ต่อมาย้ายไปอยู่ที่วัดหลิงอิ่นซื่อ เมืองหลินอาน (ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของเมืองหังโจว)
แต่การปฏิบัติตัวแปลกแตกต่างไปจากหลวงจีนอื่นทั่วไป เช่น พูดจาไม่สำรวม, ไม่ชอบนั่งสมาธิ, ไม่ชอบสวดมนต์ แต่ชอบกินเนื้อดื่มเหล้า, ชอบหุ่งห่มจีวรเก่าซ่อมซ่อ, ชอบช่วยเหลืออผู้คนที่ถูกรังแกหรือประสบภัย กิริยาแปลกประหลาดเช่นนี้
แต่ผู้คนกลับเรียกท่านว่า หลวงจีนบ้า หลวงจีนสติเฟื่อง ฯลฯ และถูกขับออกจากวัด
ทว่า หลวงจีนฮุ่ยหย่วน-เจ้าอาวาสัดหลิงอิ่นซื่อกลับรับจี้กงเป็นศิษย์ ครั้งนั้นท่านได้กล่าวว่า “ประตูแห่งศาสนาพุทธกว้างใหญ่ เหตุใดจะยอมรับพระบ้าสักคนไม่ได้เล่า” นับจากนั้นก็ไม่มีพระรูปใดมาวุ่นวายกับหลวงจีนจี้กงอีก ภายหลังท่านเจ้าอาวาสฮุ่ยหย่วนมรณภาพแล้ว จี้กงจึงต้องย้ายไปอยู่ที่วัดจิ้งฉือซิ่อ เป็นเลขาเจ้าอาวาสเต๋อฮุ่ย
แม้ภาพภายนอกจากจี้กงจะดูแปลกประหลาด แต่แท้จริงท่านเป็นพระสมถะที่รอบรู้ กล่าวคือ เข้าใจเนื้อหาในพระไตรปิฎกอย่างถ่องแท้, มีความรู้เรื่องสมุนไพรสามารถรักษาอาการเจ็บป่วย, มีความสามารถในการแต่งโคลงกลอน นอกจากนี้ แม้จี้กงจะเป็นพระในศาสนาพุทธ แต่ท่านยังรับอิทธิพลจากศาสนาเต๋า และคำสอนความเชื่อของขงจื๊อ ชอบที่จะท่องเที่ยวไปตามชนบทและช่วยเหลือชาวบ้านทุกข์ยากที่พบเห็น จึงได้รับสมญาว่า “หัวโฝว-พระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก” ภายหลังจี้กงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทั้งได้รับยกย่องเป็นเทพพื้นบ้านอีกด้วย
เรื่องราวของจี้กงเล่าต่อมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งใต้จนถึงปัจจุบัน และรู้จักกันทั่วไปแถบมณฑลเจ้อเจียง จนกลายเป็นนิทานปรัมปราว่าด้วยการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ รวมถึงการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ตามที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อปี 2006 รัฐบาลจีนคัดเลือกเรื่องของจี้กงเป็นมรดกชองชาติประเภทวรรณกรรรมพื้นบ้าน ลำดับที่ 11 ของเมืองเทียนไถ แห่งมณฑลเจ้อเจียง ส่วนสถานที่ที่จี้กงเคยไปก็จะกลายเป็นที่ท่องเที่ยว
ส่วนคำสอน หรือโอวาทของจี้กงก็ยังแพร่หลาย ในการปฏิบัติที่ไม่ยึดในทุกสิ่ง ตามวัตรปฏิบัติของของพระนิกายเซน ดังเช่นคำสอนตอนหนึ่งที่ว่า
ทุกวันชีวิตย่อมเป็นไปตามลิขิต วอนขออะไร
ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้ อวดโก้ทำไม
อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร อร่อยไปไย
ที่ดินหรือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง โกงกันทำไม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต ข่มเหงกันทำไม
ด้วยขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กล่าวว่าท่านเป็นพระสติเฟื่องพระบ้า ท่านกลับเห็นว่าโลกมนุษย์ต่างหากที่มีแต่ความบ้าคลั่ง
อ่านเพิ่มเติม :
- พระเณรวัดเส้าหลิน พระจีนที่ช่วยบ้านเมือง-ประชาชนยามเกิดจลาจล
- “เส้าหลิน-บู๊ตึง” ที่กิมย้งใช้อ้างในนิยายกำลังภายใน สำนักจริงเป็นอย่างไร?
ข้อมูลจาก :
พรพรรณ จันทโรนานนท์. “พระจี้กง : พระอรหันต์หรือพระสติเฟื่อง” ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยยเกษตรศาสตร์ ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 เมษายน 2553
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 12 พฤษภาคม 2565