“เฝ้าปี” เคานต์ดาวน์วันตรุษจีน อดนอนรับปีใหม่ด้วยเหตุผลอะไร?

เคานต์ดาวน์ ตรุษจีน เฝ้าปี
(ภาพจาก Eka P. Amdela - unsplash.com)

“เฝ้าปี” วันตรุษจีน คล้ายกับ “เคานต์ดาวน์” วันนี้ปีใหม่ เพราะเป็นรอคอยเวลาของปีเก่าที่กำลังจะหมดลง เพื่อต้อนรับวันเวลาของปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้ยังเหมือนกันที่ต้อง “อดหลับอดนอน” รอให้ถึงเลยเวลาเที่ยงคืน

การจุดพลุในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เคานต์ดาวน์ (Countdown) ที่ออสเตรเลีย เมื่อ 31 ธ.ค. 2019 (ตามเวลาท้องถิ่น) ภาพจาก PETER PARKS / AFP

เฝ้ากันตั้งแต่เมื่อใด

กิจกรรมนี้ในเทศกาลตรุษจีน มีมานานกว่า 1,600 ปี ปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณี ของ โจวชู่ บุคคลสมัยราชวงศ์จิ้น (พ.ศ. 807-963) ว่า “ไม่นอนตลอดคืน รออยู่จนฟ้าสาง เรียกว่าเฝ้าปี” 

ธรรมเนียมเก่าหลังจากกิน “อาหารค่ำประจําปี” แล้ว เด็กๆ จะเข้าแถวกันไปอวยพรผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะอวยพรตอบและแจกเงิน “แตะเอีย” แต่บางคน บางบ้านอาจเอาไปสอดไว้ใต้หมอนตอนเด็กๆ หลับ หรือมีวิธีแจกแตกต่างไปจากนี้อีกหลายวิธี

ส่วนผู้ใหญ่นั้นไม่นอนตลอดคืน เพราะจะต้องอยู่ “เฝ้าปีเก่า รับปีใหม่”

ชุมชนคนจีนในจังหวัดอุทัยธานี ภาพจากนายสุรพล อัศววิรุฬหการ (สมุดภาพจังหวัดอุทัยธานี สนพ.ต้นฉบับ)

เหตุผลการเฝ้า

สาระสำคัญของกิจกรรมนี้ เพื่อให้เห็นคุณค่าของวันเวลาซึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้สูงอายุเป็นอนุสติให้คิดถึงวัยชราที่ค่อยๆ มาถึง สำหรับเด็กเน้นให้กระตือรือร้นใช้วันเวลาให้มีคุณค่า จึงต้องอยู่เฝ้าปีให้ต่อเนื่องกัน 

ส่วนเหตุผลของเคานต์ดาวน์สไตล์จีน พอสรุปได้ดังนี้

หนึ่งคือ คำว่า “นอนหลับ ( Kun)” ในภาษาจีนโบราณมีอีกความหมายหนึ่งว่า “ลำบาก ยากจน” การไม่นอนในคืนสิ้นปี ก็เพื่อเอาเคล็ดหนีความลำบากยากจน ด้วยการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

หนึ่งคือ ความเชื่อที่ว่า กิจกรรมในคืนตรุษจีนจะเจริญอายุและสุขภาพแก่พ่อแม่ ดังนั้น ผู้ที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ จึงมักจะค่อนข้างเคร่งครัดกิจกรรมนี้ กลายเป็นธรรมเนียมนิยมสืบกันมา

หนึ่งคือ เกิดจากตำนานเล่าว่า ในอดีตกาลมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งชื่อว่า “เหนียน” ซึ่งแปลว่า “ปี” พอถึงปลายฤดูหนาว เจ้าตัวปีนี้จะออกมาจับคนและสัตว์เลี้ยงกินเป็นอาหารเสมอ เคานต์ดาวน์ของคนจีนก็เพื่อจับเหนียนที่ปีแล้วปีเล่าออกอาละวาด 

ในที่สุดมนุษย์ก็พบว่า เหนียนกลัวของอยู่ 3 อย่าง คือ เสียงดัง, สีแดง, และแสงไฟ ดังนั้น พอถึงวันสิ้นปี อันเป็นกำหนดที่สัตว์ร้ายตัวนี้ออกมาหาเหยื่อในหมู่บ้าน ผู้คนก็พากันเอาไม้ท้อทาสีแดงแขวนไว้ที่ประตู ก่อไฟไว้หน้าบ้าน จุดประทัดและตีเกราะเคาะไม้ให้มีเสียงดังตลอดคืนโดยไม่หลับนอน เมื่อเจ้าตัวปีออกมาเห็นแสงสี และได้ยินเสียงดังนั้นก็ตกใจกลัววิ่งหนีไป

กิจกรรมยามค่ำ ของครอบครัว

ค่ำคืนนั้น โดยทั่วไปทุกคนในครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้ากัน มีกิจกรรมบันเทิงแก้ง่วง ผู้ใหญ่บางคนอาจเล่นไฟ บางคนเล่านิทานให้ลูกหลานฟัง หรือตั้งปัญหาให้ทายเล่นลองปัญญา พอคุยนานๆ ก็พักหาน้ำชาและของว่างมากินกัน ถ้าเด็กๆ ง่วงก็ให้นอนอยู่รอบตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ แต่ละท้องถิ่นก็มีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป

คืน 30 ค่ำ เดือน 12 (ตามจันทรคติจีน) มีชื่อเรียกเฉพาะว่า ฉูซี่ (ภาษาแต้จิ๋วว่า ตื่อเส็ก) แปลว่า “คืนตัด (ปี)” หมายถึงปีเก่าสิ้นสุด หรือถูกตัดลงในตอนเที่ยงของคืนนี้

ช่วงเวลาพิเศษที่ “คืนเดียวมี 2 ปี” ที่คนในครอบครัวนั่งทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ถ้าเป็นสมัยก่อนได้ยินเสียงประทัดดังขึ้นก็รู้ว่าเฝ้ามาจนถึงปีใหม่แล้ว ปัจจุบันก่อนจะถึงเวลานั้นก็ “เคานต์ดาวน์” กันเหมือนร่วมกัน อวยพรกันสักหน่อย หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปนอนเถอะ นอนดึกไม่ดีกับสุขภาพ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ถาวร สิกขโกศล. เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้, สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2557.


แก้ไขปรับปรุงในระบบออนไลน์เมื่อ 27 มกราคม 2568