เทศกาลตรุษจีน นี้ ปักหมุด 4 จุดไหว้เจ้า ให้ชีวิต-การงานปังเริ่ดจนฉุดไม่อยู่

ไหว้เจ้า เทศกาลตรุษจีน
บรรยากาศการเซ่นไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนที่วัดเล่งเน่ยยี่ (ภาพจาก ห้องสมุดภาพมติชน)

เมื่อเข้าสู่เดือน “กุมภาพันธ์” นอกจากจะเป็นเดือนแห่งความรักที่มี “วันวาเลนไทน์” แล้ว ยังมีเทศกาลสำคัญอีกอย่างหนึ่งของชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีน นั่นคือ “เทศกาลตรุษจีน” ซึ่งเป็นวันที่ครอบครัวจะได้กลับมาพบหน้า รำลึกถึง “บรรพบุรุษ” และ ไหว้เจ้า หรือเทพเจ้าเพื่อเพิ่มสิริมงคล

เทศกาลตรุษจีนประกอบไปด้วย 3 วันหลัก ๆ คือ วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 8, 9 และ 10 กุมภาพันธ์ นั่นเอง

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าปีใหม่จีนนี้จะไปไหน จะพาครอบครัวไป ไหว้เจ้า เพื่อเสริมโชคและสิริมงคลที่ใด ศิลปวัฒนธรรมออนไลน์ คัดมาให้ทุกคนแล้ว สำหรับสถานที่ สายมู เก่าแก่ ว่ากันว่าสุดปัง 4 ที่ ที่พลาดไม่ได้ใน “เทศกาลตรุษจีน” ในกรุงเทพฯ

1. ศาลเจ้าไต่ฮงกง หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “(มูลนิธิ) ปอเต๊กตึ้ง” ตั้งเยื้องกับสถานีตำรวจพลับพลาไชย ใครที่เป็นสายมูน่าจะรู้จักพื้นที่นี้ดี เพราะหลวงปู่ไต้ฮง ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือเกื้อหนุนคนตกทุกข์ได้ยาก ใจดีมีเมตตา 

ถ้าใครอยากจะแก้ชงก็มาที่นี่ได้ เพราะเหมาะสำหรับสายแก้ชงเหมือนกัน โดยเขาบอกว่าให้ทำบุญ “พะเก่ง” ที่ 1 ปีมีครั้งเดียว 

ไม่เพียงแค่ทำบุญสะเดาะเคราะห์เท่านั้น แต่ยังมีเครื่องรางนำโชค อย่าง “ฮู้” หรือยันต์ยอดนิยมไว้ให้นำไปสักการะบูชาอีกด้วย 

นอกจากนี้ ศาลเจ้าไต่ฮอกงยังมี “อี๊-สาคู” ใส่น้ำตาลทรายแดงกับผิวส้มเช้ง ที่มีรสชาติอร่อย ทั้งยังช่วยเพิ่มสิริมงคลในชีวิต

รวมถึงศิลปกรรมของจีนมากมายที่แกะสลักลวดลายและอักษรจีนต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลงานระดับครูที่หาชมได้ยาก 

เรียกได้ว่ามาที่เดียวครบจบทุกอย่าง ไม่เพียงแค่อิ่มบุญ อิ่มท้อง แต่ยังได้ชมความงามภายในศาลเจ้าอีกด้วย!

จบจากที่แรก ก็ต่อด้วยสถานที่ต่อมาทันที นั่นคือ 2. “ยงฮกยี่” เป็นวัดจีนแห่งแรกของประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ว่า “วัดบำเพ็ญจีนพรต” ตั้งอยู่กลางเยาวราช (ซอยเยาวราช 8) 

แม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทว่าพื้นที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยความร่มเย็น ละลานตาไปด้วยความงามด้านศิลปกรรม เครื่องประดับไม้แกะสลักลงรักปิดทองต่าง ๆ ทำเอาคนที่ได้ไปเยือนเพียงหนึ่งครั้ง แต่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมกลับมาไม่น้อย

3. ศาลเจ้ากวนอู ตั้งอยู่ใกล้บริเวณสวนสมเด็จย่า หรือ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ที่ คลองสาน อย่างที่หลายคนรู้กันว่า “กวนอู” เป็นเทพเจ้าผู้ซื่อสัตย์ จึงทำให้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปขอพรท่าน 

ทั้งตัวอาคารยังรายล้อมไปด้วยความสงบร่มเย็นของธรรมชาติและแม่น้ำเจ้าพระยา

4. ศาลเจ้าเกียนอันเกง ที่นี่ตั้งอยู่แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับวัดกัลยาณมิตร ภายในมีเจ้าแม่กวนอิมประทับเป็นประธานของศาล

ที่นี่ส่วนใหญ่แล้วล้วนมาขอเรื่อง “งาน” เนื่องจากเจ้าแม่กวนอิมมีความพิเศษไม่เหมือนที่อื่น เพราะท่านใส่เครื่องแต่งกายแบบทางการ คือ สวม “หุกบ้อ” (หมวกผ้าหลายแฉกที่เย็บติดกันแบบหมวกพระจีน) ขณะที่เจ้าแม่กวนอิมที่อื่นส่วนใหญ่ใช้ผ้าคลุมผม

นอกจากนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังวรรณกรรมสามก๊ก เขียนด้วยลายเส้นสีดำบนพื้นขาว ให้ทุกคนได้ชมอีกด้วย

นี่คือ 4 สถานที่ สายมู สุดปังที่คัดมาแบบเต็มอิ่มให้ทุกคน ใครที่อยากไปตามรอยก็เพียงแค่พิมพ์ชื่อค้นหาในแมปได้เลย 

สำหรับปีนี้ก็ขอให้ทุกคนโชคดี มั่งมี ศรีสุข “ซินเจี่ยยู่อี่-ซินนี้ฮวดไช้” กันถ้วนหน้า

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

https://www.silpa-mag.com/culture/article_5983


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2567