“งันเฮือนดี” งานศพคนอีสานที่ไม่โศกเศร้า จัดเต็มความม่วนกุ๊บ พร้อมสีสันแสนสดใส ไม่ต้องใส่ชุดดำ

พิธีเคลื่อนศพ งานศพ งันเฮือนดี
จิตรกรรมพิธีเคลื่อนศพ ในวัดมหาสมณารามราชวรวิหาร หรือวัดเขาวัง (ภาพจาก Facebook สถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ)

เมื่อพูดถึง “งานศพ” หลายคนคงนึกถึงบรรยากาศอันอึมขรึม โศกเศร้า เต็มไปด้วยผู้คนในชุดดำ ทว่าหากย้อนไปในแถบอีสานสมัยก่อน “งานศพ” หรือที่เรียกว่า “งันเฮือนดี” กลับเป็นอีเวนท์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน จัดเต็มแสงสีเสียงให้หญิงชายน้อยใหญ่มาสุขสำราญ ทั้งยังอนุญาตให้แต่งตัวสีฉูดฉาดแบบไม่ต้องแคร์ใคร

“งันเฮือนดี” เป็นคำที่กล่าวแทนงานศพของคนอีสานสมัยก่อน งัน ในที่นี้ หมายถึง งานฉลองที่สนุกสนาน ไม่ใช่งานอาชีพในชีวิตประจำวัน เช่น หุงข้าว, ทำไร่นา ส่วน เฮือนดี แปลว่า เรือนผี ผสมกันแล้วก็จะได้ความหมายโดยรวมว่า งานเฉลิมฉลองอันเต็มไปด้วยความสนุกสนานผ่านการละเล่นอันอึกทึกครึกโครม (ในบ้านที่มีคนตาย)

ความสนุกสนานที่ว่ามีตั้งแต่ การเล่านิทาน โดยอ่านจากหนังสือผูกใบลานเป็นทำนอง, ดีดสีตีเป่าร้องรำทำเพลง, ขับกาพย์กลอน รวมถึง โต้ตอบเพลงกันไปมา ดังปรากฏในเรื่องสังข์ทอง ว่า

“ฝูงเคยเหล้นตีตะโพน   พิณพาทย์

ขับแข่งฮ้องโคลงฟ้า   กาพย์สาร”

แม้กระทั่งในเอกสาร “ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ 18 ตอนที่ 3 ว่าด้วยประเพณีของชนชาวมณฑลอีสาน” โดย พระโพธิวงศาจารย์ (ติสโส อ้วน) ยังปรากฏบรรยากาศอันครึกครื้นภายในชุมชน และการร่วมมือร่วมใจเพื่อจัด “งันเฮือนดี” อีกด้วย

“ที่บ้านของผู้ตายนั้นตั้งแต่วันที่ตายไป ตอนกลางคืนมีผู้คนที่รู้จักรักใคร่แลวงศาคณาญาติ พร้อมทั้งเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงมางันกันเรียกว่างันเรือนดี (คือคนมาประชุมช่วยพร้อมกัน)

หญิงสาวชายหนุ่มก็มาพูดหยอกเย้ากันในงานนี้ ผู้ที่เป่าแคนเปนก็เอาแคนมาเป่าเล่นหมอลำ พวกที่อ่านหนังสือเปนก็หาหนังสือเรื่องคำกลอนโบราณมาอ่าน เช่นเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องการะเกษ เหล่านี้เปนต้น

แลมีการเล่นอีกหลายอย่าง เช่นหมากหาบ (หมากแยก) เสือกินหมู (เสือกินวัว) หมากเกิ้งตะเวน (เสือตกถัง) หมากแก้งขี้ช้าง (ทอดไม้) พวกของเล่นเหล่านี้มีชอบเล่นอยู่ในพวกหญิงสาวชายหนุ่ม ถ้าใครแพ้ชนะกันมักมีทุบตีหยอกเย้ากันในหมู่คณะหญิงสาวชายหนุ่ม ถ้าคนที่มีอายุแล้วหันไปฟังหนังสือที่เขาอ่าน

การงันเรือนดีชนิดนี้นับตั้งแต่วันที่ตายไป บางทีมีจนถึงวันนำศพไปเผาหรือฝัง ถ้าเปนผู้ที่ตระกูลเชื้อพระวงศ์มีบันดาศักดิ์ อย่างมากงันกันตั้งแต่เดือนอย่างน้อยก็ 3 วัน 5 วัน 7 วัน ตามฐานนานุรูปของคนพื้นเมือง เมื่อนำศพไปเผาหรือฝังเสร็จแล้ว กลับมาต้องทำบุญเรือน สวดมนต์เย็น 3 วัน รุ่งขึ้นฉันเช้า

ในระหว่าง 3 วัน ที่สวดมนต์นั้น มีงันเรือนดีเหมือนกัน”

นอกจากความคึกคักที่เต็มไปด้วยการละเล่นมากมายแล้ว เครื่องแต่งกายของผู้คนในงานยังเต็มไปด้วยสีฉูดฉาด ไร้สีดำทมิฬอย่างที่เราพบเจอในปัจจุบัน

กิจกรรมและวัฒนธรรมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะคนอีสานมีความเชื่อเรื่อง “ขวัญ” ซึ่งการสร้างความครื้นเครงอาจทำให้ขวัญของคนที่ลาลับกลับเข้าร่าง อีกนัยหนึ่งอาจเป็นกุศโลบายให้ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด ไม่ทุกข์เศร้า เมื่อเห็นคนที่รักตายไป

งันเฮือนดี หรืองานศพที่เต็มไปด้วยความบันเทิงใจ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของคนอีสานอย่างเต็มรูปแบบ ก่อนที่ในปี 2463 รัฐบาลสยามจะประกาศให้ข้าราชการงดหาความเพลิดเพลินในงานศพ ทำให้การละเล่นหรือความบันเทิงในงานศพค่อย ๆ หายไป รวมถึง หลังปี 2500 การแต่งตัวด้วยสีสดใสก็กลายมาเป็นชุดสีดำ เนื่องจากอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก 

คนในยุคนี้จึงคุ้นชินกับความโศกเศร้าและสีดำ เมื่อเอ่ยถึงงานจากลาของใครสักคน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 กันยายน 2566