22 เมษายน วันคล้ายวันเกิด “เฟื้อ หริพิทักษ์” ศิลปินผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาอันแรงกล้า

“เฟื้อ หริพิทักษ์” ภาพจากหนังสือ “อวบ สาณะเสน ๗๒ ปี”

เฟื้อ หริพิทักษ์ หรือ เฟื้อ ทองอยู่ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๓ ในเรือแพที่ลอยเทียบฝั่งอยู่ตรงข้ามพระอุโบสถ วัดราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี บิดาชื่อ นายเปล่ง มารดาชื่อ นางเก็บ ทองอยู่ บิดาซึ่งรับราชการในตำแหน่งมหาดเล็กกรมช่างกับพระยาอนุศาสน์จิตรกรเสียชีวิตลงประมาณ ๖ เดือนก่อนที่เฟื้อจะลืมตาดูโลก ส่วนมารดาถึงแก่กรรมเมื่อเฟื้ออายุได้เพียง ๗ ขวบเท่านั้น

ดังนั้น เฟื้อจึงตกอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของคุณยายทับทิม ซึ่งมีนิวาสสถานอยู่บริเวณหลังวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ความทรงจำอันแจ่มชัดเกี่ยวกับมารดาที่ประทับแน่นในดวงใจของเฟื้อไม่รู้ลืม ถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษรของเฟื้อ ที่บันทึกไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ดังนี้

เวลานั้น แม่เจ็บหนัก ข้าอยู่กับแม่สองคน แม่ถามข้าว่า หนูรักแม่ไหมจ๊ะ ข้าบอกแม่ว่า “รักจ๊ะ” จำได้ว่า แม่ยิ้มอย่างเป็นสุข (คิดถึงอาจารย์เฟื้อ. หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายเฟื้อ หริพิทักษ์ ท.ม. ศิลปินแห่งชาติ ๒๖ มกราคม ๒๕๓๗, (กรุงเทพฯ, ๒๕๓๗), ปกหลัง.)

๓ ปีหลังจากที่เฟื้อสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จากโรงเรียนมัธยมวัดราชบพิธ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ เขาจึงตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเพาะช่าง แผนกฝึกหัดครู เฟื้อศึกษาการเขียนภาพในสถาบันแห่งนี้เป็นเวลา ๕ ปี แต่ก็ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ ทั้งๆ ที่สอบวิชาครูและวิชาอื่นๆ ได้หมด สาเหตุเป็นเพราะว่าเฟื้อมักจะเขียนรูปนอกหลักสูตรและตามอารมณ์ของตนเสมอจึงสอบตกวิชาศิลปะ

ถึงแม้ว่าเฟื้อจะไม่ได้รับประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่างก็ตาม แต่ที่นี่ก็นับเป็นสถาบันที่ได้ปูพื้นฐานทางศิลปะให้แก่เฟื้อ และทำให้เฟื้อมีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการเขียนภาพแนวใหม่ ตลอดจนวิธีการวิเคราะห์และวิจารณ์งานศิลปะจากขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต (เปล่ง ไตรปิ่น) ซึ่งเคยมีโอกาสไปเรียนวิธีการเขียนภาพจากหลายประเทศในทวีปยุโรปมาแล้ว และขณะนั้นได้รับราชการเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนเพาะช่างอีกด้วย

ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ หลังจากที่เฟื้อได้ลาออกจากโรงเรียนเพาะช่างแล้ว แช่ม แดงชมพู และ จงกล กำจัดโรค เพื่อนนักเรียนเก่าจากโรงเรียนเพาะช่าง ได้ชักชวนเขาให้เข้ามาศึกษาในโรงเรียนประณีตศิลปกรรม ณ กรมศิลปากร ซึ่งก่อตั้งและอยู่ในความรับผิดชอบของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

ณ ที่แห่งนี้นับเป็นสถาบันแรกที่เฟื้อมีโอกาสสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างอิสระตามใจปรารถนาโดยการสนับสนุนของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้เข้าใจและยอมรับธรรมชาติของศิลปินหนุ่มผู้นี้อย่างแท้จริง และ ณ ที่แห่งนี้อีกเช่นกันที่เฟื้อได้พบกับรักครั้งแรก และได้สร้างตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของเขากับสตรีสูงศักดิ์ นามว่า หม่อมราชวงศ์ถนอมศักดิ์ กฤดากร

หลังจากที่เฟื้อฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการที่ขวางกั้นความรักของเขาได้สำเร็จ จนมีโอกาสได้สมรสสมรักกับหม่อมราชวงศ์ถนอมศักดิ์ และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ศิลปินหนุ่มจึงมีโอกาสได้เดินทางไปศึกษาศิลปะต่อยังประเทศอินเดียที่เขาใฝ่ฝัน ในมหาวิทยาลัยวิศวภารติ ณ ศานตินิเกตัน ด้วยทุนของภรรยา คือหม่อมราชวงศ์ถนอมศักดิ์

โดยมีหนังสือรับรองจาก ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี รวมทั้งหนังสือแนะนำตัวและฝากฝังจากท่านสวามีสัตยานันทบุรี ซึ่งเป็นบุคคลที่เฟื้อชื่นชอบ และเคยไปพบปะพูดคุยด้วยบ่อยครั้ง เพราะเขาชอบอ่านหนังสือที่ท่านแต่ง หนังสือทั้ง ๒ ฉบับนี้นับเป็นประกาศนียบัตรรับรองความสามารถชิ้นสำคัญของเฟื้อสำหรับใช้ไปศึกษาต่อยังประเทศอินเดีย ณ สถาบันแห่งนี้

หม่อมราชวงศ์ถนอมศักดิ์ กฤดากร (ภาพจาก “นิทรรศการ 107 ปี ชาตกาล อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์” ที่ 333 Gallery ชั้น 3 ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก เมื่อ พฤษภาคม พ.ศ. 2560)

ถึงแม้ว่าเฟื้อจะมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยวิศวภารติ ณ ศานตินิเกตัน จริงๆ เพียง ๑ ปี ก็ตาม เพราะในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้นเสียก่อน แต่สำหรับเฟื้อแล้ว ๑ ปีที่นั่นนับเป็นช่วงระยะเวลาอันมีค่ายิ่งแห่งการเรียนรู้ การแสวงหา และการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างอิสระของเขา

ลายเส้นต้นฉบับคัดลอกจิตรกรรมฝาผนังภายในหอไตรวัดระฆังโฆสิตาราม (ภาพจาก “นิทรรศการ 107 ปี ชาตกาล อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์” ที่ 333 Gallery ชั้น 3 ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก เมื่อ พฤษภาคม พ.ศ. 2560)

หลังจากกลับจากอินเดียได้ ๘ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เฟื้อก็ได้รับทุนจากรัฐบาลอิตาลีให้ไปศึกษาและดูงาน ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นเวลา ๒ ปี…

นอกจากประวัติชีวิตของเฟื้อโดยสังเขปนี้แล้ว เราควรจะมาทำความรู้จักกับบุรุษที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้จากผลงานของเขา เพราะผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากความรักและความศรัทธาต่อศิลปะอย่างบริสุทธิ์ใจของเฟื้อนับเป็นเครื่องแสดงและพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าอันประเมินมิได้ในความเป็นมนุษย์และศิลปินของเฟื้ออย่างชัดแจ้ง เราสามารถแบ่งผลงานของเฟื้อออกได้เป็น ๒ ประเภท นั่นคือ ผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะ และผลงานการคัดลอกและการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง…


หมายเหตุ : คัดเนื้อหาจากบทความ “เฟื้อ หริพิทักษ์ จิตรกรเอกและนักอนุรักษ์ศิลปะของแผ่นดิน” เขียนโดยโดย รศ.ดร. กฤษณา หงษ์อุเทน ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนธันวาคม 2553


เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อ 22 เมษายน พ.ศ.2562