มารี คอลวิน นักข่าวสงครามหญิงผู้ห้าวหาญ ทำงานกลางจุดปะทะ สิ้นลมในภาคสนาม

มารี คอลวิน นักข่าวสงคราม
มารี คอลวิน

มารี คอลวิน (Marie Colvin) นักข่าวสงคราม ที่สวมผ้าปิดตาข้างหนึ่งเป็นเครื่องหมายประจำตัวที่ทำให้ทั่วโลกจดจำ เธอมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เป็นหญิงแกร่ง กล้าหาญ และไม่หวาดกลัว แม้จะอยู่ท่ามกลาง “สมรภูมิรบ” และนั่นคือชะตากรรมที่ทำให้เธอจบชีวิตในพื้นที่สงคราม

สงครามคือความโหดร้ายของมนุษยชาติ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางสนามรบที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ยังมีกลุ่มบุคคลที่กล้าเข้าไปเก็บข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ มานำเสนอให้ผู้ชมและผู้อ่านได้รับทราบ คนเหล่านี้คือ นักข่าวสายสงคราม ที่น่าจะเป็นอาชีพเสี่ยงชนิดหนึ่ง

มารี คอลวิน “นักข่าวสงคราม” หญิงแกร่ง

ในบรรดากลุ่ม “นักข่าวสงคราม” มารี คอลวิน เป็นนักข่าวสตรี ซึ่งเป็นที่รู้จักมากสุดรายหนึ่ง เธอเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายบริติช มารีไม่ได้ศึกษาด้านสื่อโดยตรง แต่เริ่มต้นจากการศึกษาในสาขาเอกด้านมานุษยวิทยา ที่มหาวิทยาลัยเยล เมื่อปี 1974 ในชั้นปี 3 เธอจึงเริ่มรายงานข่าวให้หนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัย ชื่อว่า Yale Daily News จากนั้นจึงเริ่มหันเหสายงาน

ปี 1985 มารีจึงเริ่มทำงานเป็น นักข่าวสงคราม ให้กับสื่อของอังกฤษชื่อ Sunday Times  อีกหนึ่งปีต่อมาเธอได้เป็นนักข่าวสงครามประจำ “ตะวันออกกลาง” ตลอดชีวิตการทำงานข่าวของเธอจึงเต็มไปด้วยการทำหน้าที่ภาคสนาม ท่ามกลาง “สมรภูมิรบ” ที่เดิมพันด้วยชีวิต มารีมีความเชื่อแน่วแน่ว่า การรายงานข่าวจะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลง

ผลงานของมารีมีตั้งแต่รายงานความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หลบเลี่ยงระบบตรวจจับการสื่อสารทางโทรเลข ด้วยการส่งข้อความเข้ารหัสไปให้เพื่อนร่วมงานได้ทราบความโหดร้ายที่เธอพบเห็น ครอบคลุมถึงยุคกัดดาฟี ผู้นำเผด็จการลิเบีย

ภาพลักษณ์ของ “มารี คอลวิน” ที่มีผ้าปิดตาข้างซ้าย นั่นก็เป็นผลมาจากการทำงานข่าวสงคราม เมื่อปี 2001 มารีสูญเสียดวงตาข้างซ้าย เพราะได้รับผลกระทบจากระเบิด ระหว่างรายงานข่าวในเหตุการณ์สงครามกลางเมือง ที่มีการยิงต่อสู้กันในศรีลังกา (บางแห่งบอกว่า เธอถูกเศษชิ้นส่วนของจรวด RPG ที่ระเบิดเข้าใส่ตา) ทั้งที่มารีตะโกนแจ้งฝ่ายกองทัพว่า เธอเป็นสื่อมวลชน

แม้จะได้รับบาดเจ็บสูญเสียดวงตาไป แต่รายงานข่าวเผยว่า เธอยังส่งงานเขียนขนาดความยาว 30,000 คำทันกำหนด

มารีไม่ใส่ตาเทียม และเลือกสวมผ้าปิดตาแทน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว แต่ไม่ใช่แค่เหตุการณ์นี้ที่เธอเฉียดความตายมา ลินด์ซีย์ ฮิลซัม (Lindsey Hilsum) คอลัมนิสต์และนักเขียนเจ้าของหนังสือประวัติของมารี เล่าว่า เธอรอดพ้นความตายในเลบานอน, โคโซโว และเชเชน ด้วย

ก่อนหน้าที่มารีจะสูญเสียดวงตา เธอเข้าไปทำข่าวสงครามในหลายพื้นที่ ซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรง ปี 1999 เธอเข้าไปพบและสัมภาษณ์กลุ่มกบฏเชเชน ในรัสเซีย ซึ่งกำลังถูกรัฐบาลรัสเซียขับไล่และปราบปราม

สถานการณ์ที่ทำให้มารีเป็นที่รู้จักขึ้นมาคือ เหตุการณ์ความรุนแรงจากห้วงการทำประชามติ เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชของ “ติมอร์ตะวันออก” จากอินโดนีเซียเมื่อปี 1999 เธออยู่ในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมโดยทหารอินโดนีเซีย นักข่าวหลายสำนักถูกเรียกตัวไปทำงานอื่น มารีก็เช่นกัน เพราะในพื้นที่นี้อันตรายเกินไป ลินด์ซีย์เล่าว่า กองกำลังของกลุ่มติดอาวุธขู่ว่าจะสังหารทั้งชาวติมอร์ที่หาที่หลบภัย และชาวต่างชาติ

เมื่อมารีติดต่อบรรณาธิการ และแจ้งไปว่า เธออยู่กับนักข่าวหญิงชาวดัตช์อีกสองคน บก. ถามเธอว่า แล้วพวก(นักข่าว)ผู้ชายหายไปไหนกัน เธอตอบว่า “ไปกันหมดแล้ว” และกล่าวต่อว่า “คงไม่ได้มีผู้ชายแบบที่เคยมีมาแล้ว” นี่คือบุคลิกของเธอ

การรายงานของมารีกดดัน UN และรัฐบาลทั่วโลก ท้ายที่สุด อินโดนีเซียยอมถอนกองกำลังออก และยอมให้กองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มารีเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในฐานะ “นักข่าวสงคราม” หญิงแกร่ง และนั่นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมารีมองว่า เธอทำให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจต้องหน้าชา และช่วยชีวิตคนได้ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นผลลัพธ์ลักษณะนี้มาจากการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน

ภาพเบื้องหน้าที่เห็น เธอเป็นหญิงแกร่งและไม่กลัวเกรงสิ่งใด อย่างไรก็ดี นักเขียนประวัติของเธอเล่าว่า มารีติดบุหรี่มาก ประมาณได้ว่าเธอสูบบุหรี่วันละ 20 มวน เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เธอชอบดื่มมากเป็นประจำไม่แพ้การสูบบุหรี่ ลินด์ซีย์เล่าว่า แม้มารีจะประสบความสำเร็จในการทำงาน และมีกลุ่มเพื่อนสนิทในลอนดอนหลายคน แต่หลายครั้งเธอไม่มีความสุขและบางครั้งรู้สึกหมดหวัง นี่อาจเป็นเหตุให้เธอติดบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างมาก

นอกจากนี้ แฟนของมารีที่ชื่อ ริชาด ฟเลย์ (Richard Flaye) เล่าว่า เมื่อเขาสัมผัสกับตัวเธอ เขารู้สึกได้ถึงรอยแผลจากคมกระสุนบนผิวของเธอ

สิ้นลมในสมรภูมิรบ

นักข่าวสงครามหญิงผู้กล้าหาญ ทำงานบนเส้นทางความเสี่ยงและอันตรายเกือบ 3 ทศวรรษ กระทั่งวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 2012 ณ เมืองฮอม ประเทศซีเรีย…

จุดนี้คือจุดสุดท้ายในการรับบทบาทผู้สื่อข่าวสายสงครามของมารี

มารี และ เรมี โอลชิค (Rémi Olchik) ช่างภาพชาวฝรั่งเศส ที่มีประสบการณ์ทำงานในสงคราม เข้าไปทำข่าวในพื้นที่ซึ่งเกิดความไม่สงบจากกลุ่มกบฏซีเรีย ทั้งคู่เสียชีวิตจากการโจมตีศูนย์พักพิงของผู้หญิงและเด็กด้วยกระสุนปืนใหญ่ โดยก่อนเสียชีวิตหนึ่งวัน มารีถ่ายทำวิดีโอเกี่ยวกับเด็กที่แทบไม่เหลือลมหายใจจากการโจมตีของรัฐบาลซีเรียที่เมืองฮอม ให้กับสำนักข่าว BBC

การเสียชีวิตของมารีครั้งนี้ แม่ของเธอระบุว่า เป็นการกระทำของรัฐบาลซีเรีย เพื่อให้เกิดความตื่นกลัว รัฐบาลอังกฤษดำเนินการฟ้องรัฐบาลซีเรีย ท้ายที่สุดศาลตัดสินให้รัฐบาลซีเรียจ่ายเงินเป็นจำนวน 302 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับครอบครัวเธอ

มารี คอลวิน เสียชีวิตขณะอายุ 56 ปี ศพของเธอถูกนำไปฝังที่บริเวณอ่าวออยส์เตอร์ ย่านลองไอส์แลนด์ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่อยู่ที่เธอใช้ชีวิตในช่วงวัยเยาว์

น่าสังเกตว่าการทำข่าวของมารี มักเป็นการสัมภาษณ์กลุ่มที่เสียเปรียบ หรือได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มชาวติมอร์ตะวันออก กลุ่มกบฏในรัสเซีย กลุ่มพลเรือนผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของรัฐบาลซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดเผยความจริงของกลุ่มคนอีกด้านหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส และมักจะไม่มีพื้นที่แสดงออกในหน้าข่าว

เรื่องราวชีวิตและการทำหน้าที่ของเธอถูกหยิบไปสร้างเป็นภาพยนตร์ A Private War นำแสดงโดยโรซามุนด์ ไพค์ (Rosamund Pike) ลินด์ซีย์เล่าว่า ไพค์ศึกษาลักษณะนิสัยและแสดงออกมาได้ตรงกับมารีมาก แต่เรื่องราวในภาพยนตร์บอกเล่าแตกต่างจากชีวิตจริงของมารี

ในภาพยนตร์นำเสนอมารีในภาคสนาม ฉายภาพว่าเธอมักแจ้งกับคนรอบข้างในโซนสงครามว่าเธอกำลังเขียนโครงร่างคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ มีรายละเอียดแค่บางส่วนในหนังเท่านั้นที่สอดคล้องกับการทำงานในสงคราม อาทิ คนที่ทำงานมักใช้เวลาไปกับการนั่งรอให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น หรือไม่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกจุดที่เหมาะสม สำหรับการได้ข้อมูลมารายงาน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

Lindsey Hilsum. Marie Colvin — the making of a myth. สืบค้นจาก https://www.ft.com/content/c72c571c-260f-11e9-8ce6-5db4543da632. (สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563).

Marlese Lessing. Weird Wednesdays marie colvin. สืบค้นจาก https://dailycampus.com/stories/2019/5/1/weird-wednesdays-marie-colvin. (สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563).


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2563