ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
25 ธันวาคม ค.ศ. 1991 มิคาอิล กอร์บาชอฟ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี “สหภาพโซเวียต” ส่งผลให้ สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Socialist Republics – USSR) ปิตุภูมิแห่ง “สังคมนิยม” ล่มสลายลงอย่างถาวร
สหภาพโซเวียต คือการรวมตัวกันของรัฐที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยมในภูมิภาคยูเรเซีย โดยมีรัสเซียเป็นผู้นำ ภายหลังพวกเขาประสบความสำเร็จในการโค่นล้มระบอบซาร์เมื่อปี 1917 ถือเป็นประเทศคอมมิวนิสต์แห่งแรกของโลก
ช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฮิตเลอร์เพลี่ยงพล้ำ กองทัพแดงของโซเวียตทำลายกองทัพนาซีจนย่อยยับในสงครามโต้กลับ โซเวียตปลดปล่อยยุโรปตะวันออกจากพวกนาซีและแทนที่ด้วยระบอบสังคมนิยม เกิดเป็น “ม่านเหล็ก” อันตึงเครียดระหว่างโลกทุนนิยมกับโลกสังคมนิยมตลอดช่วงสงครามเย็น (ทศวรรษ 1940-1980) และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่สุด ในเหตุการณ์วิกฤตขีปนาวุธคิวบา ปี 1962
ปี 1985 มิคาอิล กอร์บาชอฟ ในวัย 54 ปี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ และกลายเป็นประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต การเป็นผู้นำสูงสุดโซเวียต ณ ขณะนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเศรษฐกิจของพวกเขาอยู่ในสภาพซบเซาอย่างหนักจากนโยบายเศรษฐกิจที่เข้มงวดแต่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมบ่มเพาะมาเป็นเวลานาน
กอร์บาชอฟ จึงเสนอแผนการปฏิรูปที่เรียกว่า กลาสนอสต์-เปเรสตรอยกา (Glasnost-Perestroika) หรือนโยบาย “เปิด-ปรับ” เพื่อปรับโครงสร้างและเปิดกว้างเพื่อเปลี่ยนการเมือง สังคม และเศรษฐกิจของโซเวียตให้ก้าวต่อไปได้ โดยยังคงความเป็นสังคมนิยมอยู่
กอร์บาชอฟ กระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา ผู้นำฝ่ายโลกเสรีประชาธิปไตย มากขึ้นตามลำดับ มีการประชุมสุดยอดระหว่างเขากับ โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เกี่ยวกับการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์และปัญหาสิทธิมนุษยชน
แนวทางของกอร์บาชอฟนำไปสู่การถอนหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมดออกจากยุโรป ในปี 1989 กำแพงเบอร์ลินก็ถูกทำลาย เยอรมนีตะวันออกและตะวันตกรวมเป็นประเทศเดียวกันอีกครั้ง ขณะที่เอสโตเนียถอนตัวจากการเป็นประเทศในเครือสหภาพโซเวียต ปลายปีเดียวกันนั้น โซเวียตกับสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการร่วมลงนามประกาศยุติสภาวะสงครามเย็นในยุโรป และนิตยสาร Time ยกย่อง กอร์บาชอฟ ให้เป็น “บุรุษแห่งทศวรรษ”
ปี 1990 ลิทัวเนีย กับ ลัตเวีย แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต โดยกอร์บาชอฟประกาศยอมรับการแยกตัวของ 3 ชาติบอลติก คือ เอสโตเนีย ลิทัวเนีย และลัตเวีย ในกลางปีต่อมา สนธิสัญญาต่าง ๆ ที่กอร์บาชอฟลงนามกับสหรัฐอเมริกายังส่งผลให้กำลังของโซเวียตถูกลดทอนลงเรื่อย ๆ และสร้างความไม่สบายใจแก่ฝ่ายขวาในพรรคคอมมิวนิสต์ จนเกิดความพยายามรัฐประหารในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 แต่ล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม ตลอดครึ่งปีหลังของ ค.ศ. 1991 กอร์บาชอฟเผชิญมรสุมทางการเมืองมากมาย เขาลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ วันที่ 1 ธันวาคม ยูเครนลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนการเป็นเอกราชอันท่วมท้นถึง 90%
8 ธันวาคม บอริส เยลต์ซิน ประธานาธิบดีโซเวียตรัสเซีย ร่วมมือกับยูเครนและเบลารุส จัดตั้งเครือรัฐเอกราช ประกาศล้มเลิกสหภาพโซเวียต กระทั่ง 21 ธันวาคม 11 ประเทศในเครือสหภาพโซเวียตก็ร่วมลงนามด้วย โดยกอร์บาชอฟไม่สามารถยับยั้งหรือขัดขวางใด ๆ ได้เลย
25 ธันวาคม ค.ศ. 1991 มิคาอิล กอร์บาชอฟ ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต วันต่อมา สภาสูงแห่งโซเวียตให้การยอมรับเอกราชของ 15 รัฐที่เคยสังกัดโซเวียต ถือเป็นการสิ้นสุดสหภาพโซเวียตอย่างเป็นทางการ
เช้าวันรุ่งขึ้น ธงแดงรูปค้อนกับเคียว สัญลักษณ์ที่ทรงพลังอำนาจและมีอิทธิพลสูงต่อการเมืองโลกอยู่หลายทศวรรษ ถูกเชิญลงจากเสาที่พระราชวังเครมลิน ที่ทำการรัฐบาลกลางของโซเวียตภายในกรุงมอสโก
อ่านเพิ่มเติม :
- เปิดไทม์ไลน์ ยุคสมัยของ “กอร์บาชอฟ” อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย
- “วิกฤติการณ์ขีปนาวุธคิวบา” ฟางเส้นสุดท้ายที่เกือบนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ล้างโลก
- 3 พฤศจิกายน 2500 “ไลก้า” สุนัขตัวแรกของโลก ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ-โคจรรอบโลก
อ้างอิง :
บุตรแห่งกอนโดลิน, silpa-mag.com. เปิดไทม์ไลน์ ยุคสมัยของ “กอร์บาชอฟ” อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย. สืบค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2566. จาก https://www.silpa-mag.com/history/article_92185
สัญชัย สุวังคบุตร และอนันตชัย เลาหะพันธุ. (2555). ทรรปณะประวัติศาสตร์ยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 20. กรุงเทพฯ : ศักดิโสภาการพิมพ์.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 ธันวาคม 2566