“โรงแรมนรก” ภาพยนตร์ไทยคลาสสิก จากมุมมองของ เอส-คมกฤษ ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับร้อยล้าน

“โรงแรมนรก” ภาพยนตร์ไทยคลาสสิก ผ่านมุมมองของ เอส-คมกฤษ ตรีวิมล ในงาน ‘พลวัตวันชาติ’

“หนังเรื่อง โรงแรมนรก ถือเป็นหนังที่มีความบันเทิงเริงรมย์มาก เหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ พอผ่านไปสักครึ่งเรื่องก็จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงเรื่องจาก โรแมนติกคอมเมดี้ กลายเป็นหนังค้นหาความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น มันน่าสนใจและน่าติดตามมาก สำหรับหนังที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 67 ปีที่แล้ว”

หนึ่งในคำบอกเล่าของ เอส-คมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับร้อยล้าน จากผลงานแฟนฉัน, เพื่อนสนิท และล่าสุดคือ อนงค์ ถึงความล้ำและกิมมิกของหนังเรื่อง ‘โรงแรมนรก’ ในหัวข้อ ถอดรหัสนัย “โรงแรมนรก” ในงาน ๒๔ มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ “พลวัตวันชาติ” เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา

Advertisement

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘โรงแรมนรก’ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของ รัตน์ เปสตันยี ในปี พ.ศ. 2500 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังไทยที่มาก่อนกาล กล้าหาญในการเล่าเรื่อง มีความแตกต่างจากหนังไทยยุคเดียวกัน ทั้งในเชิงศิลปะ ทัศนคติ การถ่ายทำ และเทคนิคในการเล่าเรื่อง จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ และในงานนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) นำไฟล์ภาพยนตร์ ‘โรงแรมนรก’ มาฉายในงานนี้โดยเฉพาะ

คมกฤษ เล่าว่า ผมรู้สึกว่าภาพยนตร์โรงแรมนรกเป็นภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยมาก โดยภาพยนตร์ไทยส่วนใหญ่ในขณะนั้นนิยมถ่ายด้วยฟิล์ม 16 มม. ใช้เสียงนักพากย์ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. บันทึกเสียงในฟิล์ม ด้วยเสียงจริงของนักแสดง

“หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่พิเศษมาก โดยในเรื่องนี้มีโรงแรมที่ชื่อว่า โรงแรมสวรรค์ แต่ว่าเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้คนในโรงแรมนั้นและผู้กำกับตั้งชื่อโรงแรมนี้ว่า โรงแรมนรก ความพิเศษก็คือว่า หนังเรื่องนี้ถ่ายในสถานที่เดียวที่ได้มีการเซ็ตฉากเป็นโรงแรมสวรรค์ ซึ่งตัวละครก็จะเดินเข้าออกฉากนั้นอยู่ตลอดเวลา และจะมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ผมดูไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกเพลิดเพลินมาก ไม่เหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 67 ปีมาแล้ว การดำเนินเรื่องอาจจะมีอะไรที่ขัดหูขัดตาบ้าง ด้วยภาษาที่ใช้ หรือวิธีการตัดต่อที่อาจไม่ได้ลื่นไหลมากนัก และด้วยความที่หนังผ่านกาลเวลามามากแล้ว อาจมีการโดดของหนังไปบ้าง แต่เมื่อได้ดูแล้วเราจะรู้สึกคิดถึง เพราะเราไม่ได้ดูหนังที่มีการกระโดดของฟิล์ม หรือมีรอยของฟิล์มมานานมากแล้ว”

เมื่อพูดถึงการถ่ายหนังแบบฟิล์ม คมกฤษ ก็ได้เล่าย้อนถึงการนำผลงานของเรื่อง แฟนฉัน มาบูรณะใหม่ว่า อย่างเมื่อไม่นานมานี้ ผมเพิ่งได้บูรณะฟิล์มภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน เพื่อนำมาทำเป็นดิจิทัล ในรูปแบบหนัง Full HD สำหรับฉายในโรงหนัง ปรากฏว่าพอซูมไประยะใกล้ๆ ผมเห็นหน้าทีมงานสะท้อนอยู่ในกระจกเต็มไปหมด ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย 

“และเมื่อภาพในหนังชัดขึ้น สีก็สวยงามขึ้น แต่อีกความรู้สึกนึงก็คิดว่า หนังแฟนฉัน มันพูดถึงเรื่องราวการรำลึกถึงอดีตที่สวยงาม และเมื่อมันชัดมากขึ้น เหมือนกับว่าความรู้สึกก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เหมือนหนังเรื่องเดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม”

ย้อนกลับมาที่ภาพยนตร์เรื่อง โรงแรมนรก ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ดูการแสดงของนักแสดงชื่อดังในอดีตอย่าง คุณชนะ ศรีอุบล ผมได้ค้นพบว่าความหล่อของคนในอดีตเป็นอย่างไร มันไม่ใช่เหมือนความหล่อในทุกวันนี้ แต่เป็นความหล่อแบบหน้าไทยๆ จมูกโด่งเป็นสัน รูปลักษณ์คมเข้ม และได้ประกบคู่กับนางเอกอย่าง คุณศรินทิพย์ ศิริวรรณ ที่ถือเป็นนางเอกแบบเดิมๆ ในสมัยก่อน และที่สำคัญไม่พูดถึงไม่ได้กับอีกหนึ่งนักแสดงอย่าง คุณประจวบ ฤกษ์ยามดี ที่เป็นตัวนำพาเรื่องราวไปสู่จุดจบในตอนท้าย

“หนังเรื่องนี้ ถือเป็นหนังที่มีความบันเทิงเริงรมย์มาก หรือภาษาในสมัยนี้เรียกว่า เถิดเทิง เพราะในเรื่องเดี๋ยวก็มีเพลงขึ้นมา เดี๋ยวก็มีคนร้องเพลง ผมดูแล้วสนุกมาก เหมือนกับว่าเรื่องนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่พอผ่านไปสักครึ่งเรื่องก็จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงเรื่องจาก โรแมนติกคอมเมดี้ กลายเป็นหนังค้นหาความจริงว่าอะไรเกิดขึ้น มันน่าสนใจและน่าติดตามมากสำหรับหนังที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 67 ปีที่แล้ว” ผู้กำกับชื่อดัง พูดทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 มิถุนายน 2567