ผู้เขียน | เด็กชายผักอีเลิด |
---|---|
เผยแพร่ |
อินโดนีเซีย ในปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาอิสลามกว่า 87-90% ของจำนวนประชากรทั้งหมด นับเป็นประชากรประมาณ 230 ล้านคน จุดเริ่มต้นของอิสลามในอินโดนีเซียมีที่มาอย่างไร? ก่อนพวกเขาเป็นชาติมุสลิมที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
อินโดนีเซียและศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามถือกำเนิดขึ้นในดินแดนอาหรับช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 และช่วงปลายศตวรรษเดียวกันนี้ ชาวมุสลิมเข้ามายังดินแดนหมู่เกาะอินโดนีเซียจากการขยายตัวทางการค้าในดินแดนแถบนี้ พ่อค้าอาหรับและเปอร์เซียบุกเบิกเส้นทางการค้าไปตามท่าต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน มีหลักฐานว่า ค.ศ. 684 มีชุมชนมุสลิมตั้งถิ่นฐานบริเวณริมฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา บริเวณท่าเรือเบรุสที่เป็นแหล่งผลิตการบูร
1 ศตวรรษต่อมา เกิดชุมชนอาหรับมุสลิมขนาดใหญ่กระจายอยู่ตามเมืองท่า ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนหลายแห่งด้วยกัน แต่เดิมชาวมุสลิมเหล่านี้ไม่ได้กระตือรือร้นในการเผยแผ่ศาสนา เพราะเป้าหมายสำคัญในการตั้งถิ่นฐานคือผลประโยชน์ในการทำการค้าเท่านั้น
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-15 หมู่เกาะอินโดนีเซียมีอาณาจักรสำคัญอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ มัชฌปาหิต (Majapahit) อาณาจักรฮินดู-พุทธที่ยิ่งใหญ่ของหมู่เหมาะอินโดนีเซีย มีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะชวา และ มะละกา (Malacca) อาณาจักรการค้าที่อยู่บริเวณคาบสมุทรมลายู เจ้าชายปรเมศวร (Parameswara) แห่งอาณาจักรปาเลมบังเสด็จลี้ภัยคุกคามจากอาณาจักรมัชฌปาหิต และเป็นผู้ก่อตั้งมะละกาขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14
เมื่อเจ้าชายปรเมศวรหันไปรับอิสลาม และเป็นที่รู้จักในนาม Iskandar Shah มะละกาจึงกลายเป็นรัฐสุลต่าน และประชากรมุสลิมก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
การแผ่ขยายของศาสนาอิสลามไปทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซียมีจุดเริ่มต้นที่มะละกานี่เอง
มะละกาเติบโตโดยพัฒนาเป็นเมืองท่านานาชาติที่ดึงดูดพ่อค้านักเดินเรือ พวกเขาอำนวยความสะดวกทางการค้าด้วยการตั้งคลังสินค้าขึ้นมามากมาย แม้ไม่มีสินค้าของตนเอง แต่มะละกาเป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างการค้าจากจีน แอฟริกา และภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งยังสร้างเครือข่ายการค้ากับบรรดาหมู่เกาะอินโดนีเซียด้วย
กลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 มะละกาสามารถพิชิตดินแดนทั้งสองฝั่งปลายคาบสมุทรที่เป็นแหล่งผลิตอาหาร ดีบุก ทองคำ และพริกไทย ทำให้อาณาจักรมุสลิมแห่งนี้มั่งคั่งและเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก
การเติบโตของมะละกาสวนทางกับมัชฌปาหิตอย่างยิ่ง อาณาจักรฮินดู-พุทธ แห่งนี้ ค่อย ๆ เสื่อมอำนาจลง เพราะก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 16 นอกจากรัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรมลายูจะกลายเป็นอาณาจักรของชาวมุสลิมแล้ว อิทธิพลทางการเมืองและทางการค้าของอาณาจักรมะละกาที่มีต่อเมืองท่าต่าง ๆ ในเกาะชวายังทวีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแทนที่มัชฌปาหิตในการเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลของภูมิภาคนี้ไปในที่สุด
เครือข่ายการค้าทางทะเลที่เติบโตในเอเชียตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่นำความมั่งคั่งมาสู่มะละกาและเมืองท่าค้าขายบนฝั่งทะเลภาคเหนือของชวา ยิ่งส่งเสริมการขยายตัวของศาสนาอิสลามให้กระจายไปทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซีย กระทั่งแทนที่ศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธอย่างถาวร ยกเว้นเพียงบริเวณหมู่เกาะบาหลีที่ยึดมั่นในศาสนาฮินดูอยู่จนถึงปัจจุบัน
สิ่งหนึ่งที่อธิบายว่าเหตุใดศาสนาอิสลามที่พ่อค้าอาหรับและเปอร์เซียนำเข้ามายังหมู่เกาะอินโดนีเซียตั้งแต่คริศต์ศตวรรษที่ 7 แต่กว่าจะแผ่ขยายอย่างจริงจังก็ล่วงเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 15 คือการเกิดรัฐอิสลามทางตะวันตกของอินเดียช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 บริเวณคุชราต (Gujarat) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทางเรือที่สำคัญและทำการค้ากับดินแดนต่าง ๆ รวมถึงหมู่เกาะอินโดนีเซียมาก่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน
พ่อค้าคุชราตจำนวนมากเข้ามาตั้งถิ่นฐานตามเมืองท่าของหมู่เกาะอินโดนีเซีย โดยเฉพาะบริเวณเกาะสุมาตรา พ่อค้าเหล่านี้มีการสมรสกับชนพื้นเมือง และเข้าไปเกี่ยวดองกับชนชั้นปกครองด้วย ศาสนาอิสลามจากเกาะสุมาตราจึงเดินทางไปในคาบสมุทรมลายูก่อนการกำเนิดอาณาจักรมะละกาด้วยซ้ำ ก่อนที่อาณาจักรการค้าแห่งนี้จะเป็นตัวเร่งการแพร่กระจายศาสนาอิสลามไปทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซียในเวลาต่อมา
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ศาสนาอิสลามได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากเหล่าพ่อค้าในดินแดนหมู่เกาะอินโดนีเซีย เพราะหลักการของศาสนาอิสลามมีส่วนหนึ่งที่ว่าด้วยสมาชิกชุมชนมุสลิมทั่วโลกเป็นพี่น้องกัน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้เองที่ส่งเสริมอาชีพของพวกเขาซึ่งต้องอพยพจากชุมชนหนึ่งไปยังอีกชุมชนหนึ่งเพื่อค้าขาย
อ่านเพิ่มเติม :
- การต่อสู้ของซูการ์โน บุรุษกู้ชาติแห่งอินโดนีเซีย ผู้ถูกกลบฝังให้ลืม-ตีตรา “ระเบียบเก่า”
- เจาะลึกวัฒนธรรม “หญิงเป็นใหญ่” ในชาติพันธุ์ “มินังกาเบา” แห่งอินโดนีเซีย
อ้างอิง :
ทวีศักดิ์ เผือกผสม. (2547). อินโดนีเซีย รายา รัฐจารีต สู่ “ชาติ” ในจินตนาการ. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ.
ภูวดล ทองประเสริฐ. (2539). อินโดนีเซีย : อดีตและปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เอลซา ไชนุดิน. (2552). ประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย. แปลโดย เพ็ชรี สุมิตร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสือจุฬาฯ.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 สิงหาคม 2565