ที่มาของ “ยิลเล็ตต์” ใบมีดโกนชนิดใช้แล้วทิ้ง ตอนแรกคนมองผู้คิดค้นว่า “เพ้อฝัน”

(ขวา) นายยิลเล็ตต์ และ (ซ้าย) รายละเอียดของมีดโกน ยิตเล็ตต์ ในใบสิทธิบัตร

ปลายทศวรรษ 1890 คิง ซี. ยิลเล็ตต์ (King C. Gillette) เซลส์แมนขายจุกฝาขวดประจำบริษัท คราวน์คอร์ด แอนด์ ชีล รู้สึกเบื่อหน่ายกับหน้าที่การงาน เขาอยากเป็นเศรษฐีเหมือนคนอื่นบ้าง ด้วยเป็นคนที่ชอบประดิษฐ์โน่นนี่ และเคยจดสิทธิบัตรอยู่หลายใบ แต่ของเหล่านั้นส่วนมาก “จะทำเงินให้คนอื่นๆ” ไม่ใช่นักประดิษฐ์อย่างเขา

ยิลเล็ตต์หวนนึกถึงความสำเร็จครั้งใหญ่เมื่อมีการประดิษฐ์ฝาจีบ (แบบที่ปิดขวดน้ำอดัลม) ซึ่ง วิลเลียม เพนตอร์ (William Painter) เจ้านายของเขาเคยบอกว่า “ให้ประดิษฐ์สิ่งที่มีประโยชน์ ใช้เสร็จแล้วทิ้ง จากนั้นลูกค้าก็จะกลับมาซื้อใหม่” ด้วยแนวคิดนี้ฝาจีบจึงทำเงินให้บริษัทปีละไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนเหรียญ

เช้าวันหนึ่งในฤดูร้อน ค.ศ. 1895 ยิลเล็ตต์ในวัย 40 ปีกำลังโกนหนวดด้วยมีดโกนทื่อๆ อยู่นั้น เขาคิดว่าช่างน่าเบื่อเสียจริงที่ต้องนำใบมีดโกนไปลับตามร้านขายมีดหรือไม่ก็ร้านตัดผมอีกแล้ว วินาทีนั้นยิลเล็ตต์ก็เกิดคามคิดบรรเจิด ทำไมเราถึงไม่ประดิษฐ์มีดโกนที่ใช้แล้วทิ้งล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งลับให้รำคาญใจ

เมื่อคิดได้ดังนั้นยิลเล็ตต์ก็เริ่มมองจุดอ่อนของใบมีโกนแบบดั้งเดิม ซึ่งวางขายตามท้องตลาดมาแล้วกว่า 10 ใบมีดชนิดนี้มีความหนามาก เขาจึงคิดประดิษฐ์ใบมีดโกนที่มีความบางกว่านั้นหลายเท่าตัว ใช้เพียง 2-3 ครั้งก็โยนทิ้งได้เลย ตอนแรกทุกคนที่รู้พากันหาว่ายิลเล็ตต์ช่างเพ้อฟัน

เพราะการประดิษฐ์โลหะแผ่นบางประกอบกันและมีคมทั้ง 2 ด้าน แล้วเอามาประกอบติดด้ามนั้น ดูจะเป็นไปได้ยากในเชิงปฏิบัติ แต่ในที่สุดยิลเล็ตต์ก็หาวิศวกรที่จะเติมเต็มความฝันของเขาได้สำเร็จ นักเคมีจากเอ็มไอทีตกปากรับคำช่วยประดิษฐ์ด้ามและใบมีดให้

ส่วนนักธุรกิจดาวรุ่ง 3 คนในยุคนั้นก็ยื่นมือเข้ามาสนับสนุนด้านการเงิน ทำให้โครงการในหัวของยิลเล็ตต์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และได้จดสิทธิบัตรผลงานชิ้นนี้ในปี 1904

อย่างไรก็ตาม ด้วยวิญญานักขาย ยิลเล็ตต์หาวิธีดึงความสนในชองลูกค้า ด้วยการแจกด้ามมีดโกนที่ประดิษฐ์ขึ้นมาก่อน เพื่อจะได้ขายใบมีดโกนตามไป กลยุทธ์นี้นับว่าเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างเห็นได้ชัด ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อลูกค้าคุ้นเคยกับใบมีดแบบใหม่ของเขา ประกอบกับมีด้ามมีดที่ได้รับแจกมาก่อนหน้านั้น ทำให้ใบมีดโกนยิลเล็ตต์ผงาดขึ้นมาแซงหน้าคู่แข่งในขณะนั้นยิลเล็ตต์สามารถใช้ชื่อและใบหน้าของตนเองเป็นโลโก้สินค้าได้อย่างภาคภูมิใจ

ยิลเล็ตต์เดินทางไปทั่วโลกเพื่อทำหน้าที่เป็นทูตเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ ใบหน้าของเขากลายเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดในโลก ครั้งหนึ่งเมื่อเดินทางไปเยือนอียิปต์ยิลเล็ตต์พบว่ามีชายหลายสิบคนเข้ามายืนรายล้อมเขาและทำท่าโกนหนวด กระทั่งจอมเผด็จการของอิตาลีอย่างมุโสลินี หรือแม้แต่ผู้นำการต่อสู้แบบอหิงสา เช่น มหาตมะ คานธี ก็ยังเป็นแฟนใบมีดโกนยิลเล็ตต์…


หมายเหตุ : เนื้อหานี้คัดจากบทความ “สิ่งประดิษฐ์ของคนหัวรั้น ของธรรมที่เปลี่ยนโลก (1)” โดย วารยา เผยแพร่ในนิตยสาร ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนสิงหาคม 2553


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2565