
เผยแพร่ |
---|
ภายหลังการรัฐประหาร 2490 (8 พฤศจิกายน 2490 ) พลโท ผิน ชุณหะวัณ นายทหารนอกราชการ สังกัดกองบังคับการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เป็นหัวหน้านำกำลังเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลของ พล ร.ต. ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ แล้ว พลโท ผิน ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เสียเอง ซึ่งเหตุผลที่ไม่รับตำแหน่งนั้น พลโท ผิน อธิบายไว้ดังนี้ [จัดย่อหน้าใหม่ และเน้นคำโดยผู้เขียน]
“อนึ่ง มีบุคคลเป็นส่วนมากวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวข้าพเจ้าว่า เป็นผู้นําทําการรัฐประหารแล้ว เหตุใดจึงไม่เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง เรื่องนี้ไม่มีผู้อื่นใดทราบความเป็นอยู่ของตัวข้าพเจ้าเอง เพราะมีเหตุผลอยู่หลายประการ กล่าวคือ :
ตั้งแต่ออกรับราชการครั้งแรก ก็อยู่แต่หัวเมือง ไม่คุ้นเคยกันข้าราชการทหารมากนัก ยิ่งข้าราชการพลเรือนก็คุ้นเคยแต่เฉพาะจังหวัดที่ข้าพเจ้ารับราชการอยู่เท่านั้น ตลอดจนเจ้านายไม่เคยรู้จักข้าพเจ้าเว้นแต่ พลโท พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 4 ราชบุรี และ พลตรี หม่อนเจ้าทองฑีฆายุ ผู้บัญชาการกองพลที่ 2 ปราจีนบุรี ซึ่งข้าพเจ้าเอะอะก็จะขึ้นบริหารประเทศชาติรู้สึกว่าจะไปไม่ได้กี่วันเป็นประการแรก
ประการที่ 2 การเมืองมีการสลับซับซ้อนกันมาก ซึ่งเห็นตัวอย่างมาแล้วได้แก่พวกก่อการ 2475 พอทําการเป็นผลสําเร็จก็มีกบฏเกิดขึ้นเป็น 2-3 ครั้ง ทั้งพวกก่อการด้วยกันเองก็แตกแยกเป็นหลายก๊กหลายพวก ถึงกับจะควบคุมพรรคพวกรบกันเองเพื่อจะครองอํานาจเป็นใหญ่ก็มีหลายครั้ง ยิ่งข้าพเจ้าไม่สนใจและไม่มีความรู้ ตลอดจนไม่ได้ศึกษาเรื่องการเมืองแม้แต่น้อยเท่ากับมีฐานะอยู่เพียงพื้นราบจะกระโดดทีเดียวให้ถึงยอด อาจจะตกลงมาคอหักตายด้วยกลไกวิถีทางการเมืองก็เป็นได้
ประการที่ 3 สมัยนี้โลกคับแคบด้วยความเจริญทางวิทยาศาสตร์ การสัญจรไปมาระหว่างประเทศซึ่งสมัยก่อนใช้เวลาไปมาตั้งแต่เดือน มาสมัยนี้ใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ย่อมจะมีประมุขของประเทศต่างๆ มาเยี่ยมเยือนไม่เว้นแต่ละเดือน ถ้าถูกนายกรัฐมนตรีอย่างข้าพเจ้า โดย เอ บี ไม่กระดิกหูเพียงจะคุยเล็กๆ น้อยๆ ก็ไปไม่ไหวเสียแล้ว จะเอาหน้าของประเทศชาติไปไว้ที่ไหน ทั้งสมองที่จะพลิกแพลงทางการเมืองก็เข็นไปไม่ไหว ได้แต่มีกําลังใจกําลังกายในการเสียสละเพื่อประเทศชาติเท่านั้น ฉะนั้น จึงเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้
ประการที่ 4 ด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งจอมพล ป. พิบูลสงครามให้ความยุติธรรมต่อข้าพเจ้าหลายครั้ง คือ ครั้งแรกมีผู้ก่อการด้วยกันมียศพันโทไม่เต็มขั้นอยู่ 2 นาย และข้าพเจ้ายังมีเงินเดือนไม่เต็มขั้นชั้นพันโทเช่นเดียวกัน แต่ข้าพเจ้าได้รับยศเป็นพันเอกก่อน ถึงกับผู้ก่อการทั้ง 2 นายนั้น เข้าไปต่อว่าต่อขานกับท่านว่า ข้าพเจ้ามีดีวิเศษอย่างใดจึงได้รับยศเป็นพันเอกก่อน
ทั้งนี้ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเมื่อเสนาธิการทหารบก ไปตรวจราชการที่มณฑลทหารบกที่ 3 นครราชสีมา ซึ่งข้าพเจ้าครองตำแหน่งนี้อยู่ และได้ผลดีเด่นกว่าอีก 4 มณฑล ต่อจากนั้นเมื่อสงครามมหาบูรพาเอเชีย โดยที่ข้าพเจ้าได้นำนายทหารกองพลที่ 3 เข้าตีและยึดนครเชียงตุงได้ ได้มีปากมีเสียงโต้ตอบแม่ทัพพายัพอย่างรุนแรงหลายตรั้ง ทั้งรายงานข้ามหน้าแม่ทัพพายัพอีกด้วย
ถ้าจะพิจารณาทางวินัยทหารในสงครามแล้ว นับว่าข้าพเจ้ามีความผิดอย่างร้ายแรง แต่ด้วยความกรุณาปราณี เห็นอกข้าพเจ้าที่ทหารในกองพลที่ 3 ที่ได้รับความลำบากยากแค้นแสนสาหัส ถึงกับส่งนายพล 3 นายขึ้นไปตรวจสอบสวนความเดือดร้อนของข้าพเจ้าและของทหาร
ฉะนั้น การทำรัฐประหารครั้งนั้นข้าพเจ้ามีความประสงค์อันแน่วแน่ ที่จะให้จอมพล ป. พิบูลสงคาม เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้คำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม และเพื่อจรรโลงประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ด้วยเหตุผลทั้ง 4 ประการที่กล่าวแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้”
ข้อมูลจาก
จอมพล ผิน ชุณหะวัณ. “ชีวิต กับ เหตุการณ์ ของ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ” ใน, หนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ ณ วัดพระศรีมหาธาตุ วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2516
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2563