ชะตากรรม “เจ้าศรีสังข์” พระราชนัดดา “พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ” ลี้ภัยการเมืองสู่เขมร

กองทัพหลวง กรุงธนบุรี เมืองพุทไธมาศ เจ้าศรีสังข์ รัชทายาท กรุงศรีอยุธยา
“กองทัพหลวงกรุงธนบุรีเข้าตีเมืองพุทไธมาศของญวน” โคลงภาพพระราชพงศาวดารเขียนในสมัยรัชกาลที่ 5 โดย นายอ่อน

“เจ้าศรีสังข์” เป็นพระโอรสในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้ากุ้ง) พระราชโอรสในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ชะตากรรมชีวิตของเจ้าศรีสังข์หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก แล้วทรงลี้ภัยไปพึ่ง กษัตริย์เขมร นั้นสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับการสร้างความชอบธรรมของ “พระเจ้าตาก” ในการขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย

เจ้าศรีสังข์ กับชีวิตหลังกรุงแตก

หลังกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เจ้าศรีสังข์ “ลี้ภัย” มาพึ่งพระบารมี กษัตริย์เขมร คือ พระนารายณ์ราชา (พระอุไทยราชานักองค์ตน) พงศาวดารเขมรกล่าวไว้ว่า

“…ในปีกุญ 1129 (พ.ศ. 2310 แลจุลศักราช 1129 พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยา ๆ แตก เสียกรุงแก่พม่า ๆ จับได้พระราชวงษานุวงษ์กระษัตริย์ไทย แลกวาดต้อนครอบครัวนำจากเมืองไทยไปเมืองพม่าเปนอันมาก (ในครั้งแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 พระที่นั่งสุริยามรินทร์) เจ้าเสสัง (ศรีสังข์) ออกรบแพ้พม่า หนีจากกรุงศรีอยุทธยามาพึ่งพระบารมี พระบรมบพิตรณกรุงกัมพูชาธิบดี ฯ…”

สอดคล้องกับจดหมายของมองซิเออร์คอร์ บาทหลวงฝรั่งเศส (ลงวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1768/พ.ศ. 2311) ได้บันทึกไว้ว่า

…เมื่อวันที่ 19 เดือนธันวาคมปีกลายนี้ได้มีเจ้าไทยองค์ 1 ทรงพระนามว่าเจ้าศรีสังข์ได้เสด็จมายังเมืองเขมร เจ้าศรีสังข์องค์นี้เป็นพระราชโอรสของพระมหาอุปราช ทรงพระนามว่า วัง (Vang) (หมายถึงเจ้าฟ้ากุ้ง – ผู้เขียน)… ฝ่ายเจ้าศรีสังข์มีพระชนม์์เพียง 22 ปี…”

บาทหลวงฝรั่งเศสกล่าวถึงอุปนิสัยของเจ้าองค์นี้ด้วยว่า ทรงมีอัธยาศัยดี พระทัยกว้าง พระปรีชาสามารถเฉียบแหลมเกินอายุ โปรดพวกเข้ารีต นับถือพวกฝรั่งเศส และเคยมีพระดำริที่จะเสด็จไปยังประเทศยุโรป

มองซิเออร์คอร์เล่าว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าแล้วนั้น เจ้าศรีสังข์ได้ “ลี้ภัย” พวกพม่า อยู่ตามป่าประมาณ 3 เดือน เมื่อพม่ายกทัพกลับแล้วจึงเสด็จมายังบางกอก แล้วจากบางกอกก็เสด็จมายังบางปลาสร้อย (ชลบุรี) เมื่อพระเจ้าตากทราบว่ามีเชื้อพระวงศ์กรุงศรีอยุธยามาประทับที่บางปลาสร้อย “…จึงได้จัดเรือให้ออกไปจับเจ้าศรีสังข์มายังเมืองจันทบุรี…”

อย่างไรก็ตาม ในจดหมายดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า เจ้าศรีสังข์ได้ทราบเรื่องที่พระเจ้าตากมีพระราชประสงค์ให้จับพระองค์มายังเมืองจันทบุรีหรือไม่ สันนิษฐานว่า คงทราบพระองค์ดี เพราะมิเช่นนั้นคงไม่เสด็จลี้ภัยไปยังเมืองญวนและเมืองเขมร โดยเจ้าศรีสังข์ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเข้ารีต ซึ่งต้องการช่วยให้พระดำริสำเร็จผล คือการเสด็จไปยังประเทศยุโรป

ต่อมา เจ้าศรีสังข์ล่องเรือมาถึงเมืองฮอนดัต แต่พวกบาทหลวงทราบนิสัยเจ้าเมืองคันเคา (พุทไธมาศ) เป็นอย่างดี จึงจัดแจงให้เสด็จต่อไปตามลำน้ำจนถึงเมืองเขมร

ณ เมืองเขมร เจ้าศรีสังข์ยังอยู่ภายใต้การดูแลของพวกบาทหลวงเป็นสำคัญ เมื่อเจ้าศรีสังข์ได้เข้าเฝ้า กษัตริย์เขมร ก็ทรงยินดีต้อนรับ เพราะเห็นว่าเป็นเชื้อพระวงศ์กรุงศรีอยุธยา กระทั่งเจ้าศรีสังข์กลายเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์

มองซิเออร์คอร์บันทึกว่า “…แล้วพระเจ้ากรุงเขมรได้มีรับสั่งให้สร้างวังให้แก่เจ้าศรีสังข์โดยทำด้วยไม้ไผ่ เจ้าศรีสังข์ได้ไปประทับที่วังนี้โดยไม่สู้เต็มพระทัยเท่าไรนัก และได้อยู่กับพระเจ้ากรุงเขมรจนพระเจ้ากรุงเขมรโปรดปรานมาก เจ้าศรีสังข์จึงวิตกว่าจะเสด็จออกจากเมืองเขมรไม่ได้เสียแล้ว…”

แม้เจ้าศรีสังข์จะลี้ภัยมายังเมืองเขมร แต่ก็ยังคงมีพระประสงค์ที่จะเสด็จไปยังประเทศยุโรป เป็นที่น่าสังเกตว่า พระองค์ไม่ได้รู้สึกมั่นพระทัยว่า การประทับอยู่ในเมืองเขมรนั้นทำให้พระองค์ปลอดภัย โดยหากเทียบกับการเสี่ยงชีวิตเดินทางไปยังยุโรป ก็อาจจะคุ้มค่ามากกว่า หรือไม่?

ภาพวาด สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสิน)โดย "ปิยะดา" (ประเวส สุขสมจิตร) จากศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2546
ภาพวาด สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสิน)โดย “ปิยะดา” (ประเวส สุขสมจิตร) จากศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2546

เหตุการณ์ต่อมาปรากฏว่า เจ้าเมืองคันเคาเกิดความไม่พอใจและริษยาขึ้น ในการที่เขมรได้รับรองเจ้าศรีสังข์ และเคืองว่า “…เจ้าไทยได้ผ่านบ้านเมืองของตัวโดยตัวหาได้รู้เรื่องไม่…” จึงต้องการให้นำตัวเจ้าศรีสังข์มายังเมืองคันเคา

เหตุใด “พระเจ้าตาก” ต้องการตัวเจ้าศรีสังข์?

จดหมายอีกฉบับหนึ่งของมองซิเออร์อาโตด์ บันทึกว่า ในเวลานั้นเจ้าเมืองคันเคาได้รับพระราชสาส์นจากพระเจ้าตากฉบับหนึ่ง มีพระราชประสงค์ถึงเจ้าเมืองคันเคาให้ส่งตัว เจ้าศรีสังข์ มาให้พระองค์ ถ้าส่งเป็นไม่ได้ก็ให้ส่งตาย ในการนี้ได้พระราชทานสิ่งของอย่างดีมาให้ด้วย มีปืนใหญ่ 2 กระบอก หล่ออย่างแบบยุโรป และยังทรงสัญญาว่า

“…ถ้าเจ้าเมืองคันเคาส่งตัวเจ้าศรีสังข์ได้แล้ว พระยาตากจะส่งปืนชนิดนี้มาให้อีกหลายกระบอก..” ซึ่ง “…ฝ่ายเจ้าเมืองคันเคาไม่เคยเห็นปืนอย่างนี้เลย มีความยินดีที่ได้มา 2 กระบอกและกระหายอยากได้อีก จึงได้ให้เที่ยวค้นหาตัวเจ้าศรีสังข์ให้จงได้…”

ทว่า เจ้าเมืองคันเคาทราบว่า เมื่อครั้งที่เจ้าศรีสังข์ผ่านมายังเมืองของตนนั้น พวกบาทหลวงฝรั่งเศสได้ “เสือกไส” ให้ไปยังเมืองเขมรอย่างเงียบ ๆ เจ้าเมืองคันเคาโกรธพวกบาทหลวง จึงจับมาคุมขังไว้ยังคุก จากนั้น จึงได้มีการเจรจากันระหว่างพวกบาทหลวงกับเจ้าเมืองคันเคาและฝ่ายญวน โดยให้มองซิเออร์อาโตด์ เดินทางไปยังเมืองเขมร เพื่อเจรจาให้เจ้าศรีสังข์เสด็จมายังเมืองคันเคา แลกกับการปล่อยตัวบาทหลวง

มองซิเออร์อาโตด์เองก็เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าศรีสังข์ แต่ก็ต้องการช่วยเหลือบาทหลวงด้วยกัน จึงตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ก่อนที่จะไปยังเมืองเขมร ต้องปล่อยตัวบาทหลวงที่ถูกคุมขัง, หากเจ้าศรีสังข์เสด็จมายังเมืองคันเคาแล้วจะต้องไม่ควบคุมกักขังพระองค์, ในการที่จะไปเมืองเขมรนี้มิใช่ไปในฐานะราชทูต เพียงแต่จะไปกราบทูลกับเจ้าศรีสังข์อย่างเดียวเท่านั้น และเจ้าศรีสังข์จะเสด็จมาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพระองค์เอง บาทหลวงไม่รับรองว่าจะเสด็จกลับตามคำกราบทูล

มองซิเออร์อาโตด์เข้าเฝ้าเจ้าศรีสังข์ที่เมืองเขมร เจ้าศรีสังข์ทรงทราบดีว่ามาเข้าเฝ้าด้วยเหตุใด จึงรับสั่งว่าทำอย่างไรก็จะไม่เสด็จไปเมืองคันเคา “…เพราะทรงทราบเป็นการแน่นอนว่าเจ้าเมืองคันเคาจะจับพระองค์ส่งให้แก่พระยาตาก และได้รับสั่งต่อไปว่า ‘การที่พระยาตากได้ส่งของดี ๆ มาให้เจ้าเมืองคันเคานั้น ก็เท่ากับจะซื้อศีรษะข้าพเจ้าเท่านั้น’…”

สันนิษฐานว่า เจ้าศรีสังข์ คงมีพระประสงค์ “ลี้ภัย” อยู่กับพวกบาทหลวงเป็นหลัก ไม่ได้เลือกว่าจะประทับที่เมืองญวนหรือเขมร และคงทรงมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปประเทศยุโรปให้ได้ เมื่อตอนที่เสด็จมายังเมืองคันเคานั้น พวกบาทหลวงคงเห็นว่า หากลี้ภัยอยู่ที่นี้จะเป็นการไม่สะดวก เพราะด้วยตัวเจ้าเมืองคันเคานั้นเป็นคนโมโหร้าย ยิ่งดื่มสุรานิ่งโมโหร้ายหนัก พวกบาทหลวงจึง “เสือกไส” ให้ไปประทับยังเมืองเขมรแทน ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากที่นั่นเป็นอย่างดี

สุดท้ายแล้ว “เจ้าศรีสังข์” ก็ไม่ได้เสด็จกลับไปเมืองคันเคา

แผนที่ในยุคศตวรรษที่ 18 โดย Jacques Bellin (ค.ศ. 1703-72 หรือ พ.ศ. 2246-2315) นักทำแผนที่ชาวฝรั่งเศส แสดงที่ตั้งของพะโค, อังวะ และอาระกัน (ตั้งอยู่ในประเทศพม่าในปัจจุบัน) รวมถึง สยาม กัมพูชา และตังเกี๋ย
แผนที่ในยุคศตวรรษที่ 18 โดย Jacques Bellin (ค.ศ. 1703-72 หรือ พ.ศ. 2246-2315) นักทำแผนที่ชาวฝรั่งเศส แสดงที่ตั้งของพะโค, อังวะ และอาระกัน (ตั้งอยู่ในประเทศพม่าในปัจจุบัน) รวมถึง สยาม กัมพูชา และตังเกี๋ย

ต่อมา ในจดหมายมองซิเออร์มอวัน (ลงวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1771/พ.ศ. 2313) เล่าเหตุการณ์ว่า ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2312 “…เจ้าเมืองคันเคาได้เกิดเป็นอริขึ้นกับพระยาตาก พระเจ้าแผ่นดินสยามองค์ใหม่…” นั่นจึงนำมาสู่สงคราม

จดหมายรายวันทัพสมัยธนบุรี คราวปราบเมืองพุทไธมาศและเขมร พ.ศ. 2314 ระบุไว้ว่า “…มาบัดนี้จะส่งเจ้าองค์รามขึ้นไปราชาภิเษก ณ กรุงกัมพูชาธิบดี… ตัวเจ้าเสสังข์ เจ้าจุ้ย แลข้าหลวงชาวกรุงฯ ซึ่งไปอยู่เมืองใดจะเอาให้สิ้น…” 

แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าตากยังคงมีพระราชประสงค์ให้จับตัวเจ้าศรีสังข์ให้จงได้ นั่นเพราะเพื่อสร้างความชอบธรรมในการขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย

เมื่อตีเมืองคันเคาหรือพุทไธมาศได้แล้ว ก็ไปตีเมืองเขมรต่อ จดหมายรายวันทัพสมัยธนบุรีฯ ระบุว่า “…พระองค์รามราชาบอกหนังสือมาถึง ฯลฯ ณ ศาลา ๆ เอาหนังสือบอกกราบทูลพระฯ ใจความว่า พระองค์อุทัย, เจ้าเสสัง, หนีไปแคว้นเมืองญวน ๆ ไม่ให้เข้าไปจึงยกทัพกลับมา พระองค์รามราชาให้ทหารไปเกลี้ยกล่อม พบกองทัพพระองค์อุทัย ได้รบกัน กองทัพพระองค์อุทัยแตก…”

เจ้าศรีสังข์ ได้ “ลี้ภัย” อีกครั้ง โดยหลบหนีไปยังเมืองญวน ปรามินทร์ เครือทอง วิเคราะห์ว่า คงไม่ได้ถูกจับในเหตุการณ์นี้ เพราะหากถูกจับได้ต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องกราบทูล แต่มิได้ปรากฏในจดหมายรายวันทัพสมัยธนบุรีฯ แต่อย่างใด

กระทั่ง ณ วันอังคาร เดือนอ้าย แรม 3 ค่ำ พระเจ้าตากยกกองทัพหลวงกลับคืนพระนคร

ไม่กี่เดือนต่อมา ชะตากรรมเจ้าศรีสังข์ปรากฏในพงศาวดารเขมรว่า ลุถึงเดือน 3 ในปีเถาะ 1133 (พ.ศ. 2314) นี้ เจ้าเสสัง (ศรีสังข์) ซึ่งเปนเจ้าไทยที่หนีจากกรุงศรีอยุทธยาครั้งเมื่อพม่ามาตีเมือง มาอยู่เมืองเขมรนั้น ได้สิ้นพระชนม์ลง ฯ”

ปิดฉากชีวิต “เจ้าศรีสังข์” รัชทายาทกรุงศรีอยุธยา ที่ทรง “ลี้ภัย” ณ เมืองเขมรนานหลายปี

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ประชุมพงศาวดาร เล่ม 23 : จดหมายเหตุคณะบาทหลวงฝรั่งเศสในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศ กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น. (2511). กรุงเทพฯ : คุรุสภา.

หลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์). (2550). ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โสภณการพิมพ์

ประชุมพงศาวดารภาคที่ 66. (2496). พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ดร. ประจวบ บุนนาค วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496. พระนคร : ร.พ.อุดม. 

ปรามินทร์ เครือทอง. (มีนาคม, 2558). ตามติดปฏิบัติการพระเจ้าตาก “ตามล่า” รัชทายาทกรุงศรีฯ. ศิลปวัฒนธรรม, จาก www.silpa-mag.com/history/article_41081


เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 มิถุนายน 2563