ทำไมต้อง “สมเด็จ-อัครมหาเสนาบดี-เดโช” ฮุน เซน นามบรรดาศักดิ์นี้เกี่ยวอะไรกับสยาม?

สมเด็จ อัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้นำ กัมพูชา
สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน AFP PHOTO / Manan VATSYAYANA

เมื่อกล่าวถึงนามบรรดาศักดิ์ของผู้นำแห่ง “กัมพูชา” คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน (ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา​ อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) หลายคนคงมีคำถามว่า คำว่า “สมเด็จ” ที่ประเทศกัมพูชาใช้นั้นปัจจุบันหมายถึงอะไร ใครใช้ได้บ้าง?

นอกจากนี้ยังอาจมีคำถามว่านามบรรดาศักดิ์ที่ค่อนข้างยาวนั้นมีความหมายว่าอะไร มีที่มาอย่างไร และผู้นำประเทศกัมพูชานำนามบรรดาศักดิ์นี้มาใช้ด้วยเหตุใด?

การใช้คำว่า “สมเด็จ” ในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน

คำว่า สมเด็จ เป็นคำภาษาเขมรโบราณที่แผลงมาจากคำว่า “สฺตจ (เสด็จ)” ดังปรากฏหลักฐานการใช้มาตั้งแต่ศิลาจารึกของเขมรโบราณสมัยพระนคร โดยมีการใช้อักขรวิธีตามศิลาจารึกว่า “สํตจ” และ “สํเตจ” มีความหมายว่า พระนามศักดิ์สิทธิ์สำหรับกษัตริย์, เทพเจ้า, นักบวช

ในศิลาจารึกนครวัดสมัยหลังพระนครก็ปรากฏการใช้คำว่า สมเด็จ” เช่นเดียวกัน เช่น ในจารึก มีกล่าวการใช้คำว่าสมเด็จนำหน้าพระนามของกษัตริย์ในจารึก IMA.3 ซึ่งกล่าวถึง “สมเด็จพระชัยเชษฐาธิราชโองการ” และใช้นำหน้าพระนามของพระราชวงศานุวงศ์ชั้นสูง ในกัมพูชาสมัยหลังพระนครยังนำคำว่าสมเด็จมาใช้นำหน้าสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ผู้ใหญ่

นอกจากนี้นามบรรดาศักดิ์ขุนนางสำรับโท ซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายพระมหาอุปโยราช ของกัมพูชาในสมัยหลังพระนคร มีตำแหน่งเสนาบดีนายก ยศเป็น “สมเด็จเจ้าพระยา หรือ “สมเด็จเจ้าพญาแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งสมเด็จได้มีการนำมาใช้กับตำแหน่งขุนนางชั้นสูงตั้งแต่ในกัมพูชาสมัยหลังพระนครด้วย

การนำสมเด็จมาใช้เป็นยศของขุนนางกัมพูชาสมัยหลังพระนคร คล้ายคลึงกับการใช้คำว่า “สมเด็จ” ของกัมพูชาในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายในหนังสือ ประชุมลิขิต ของ ออกญามหามนตรี จางวางกรมพระราชมณเฑียร (ญึก นูว) ซึ่งพิมพ์เมื่อปี พ.. 2513 ว่าพระสงฆ์ และคฤหัสถ์ ซึ่งมีฐานันดรศักดิ์เป็นที่สมเด็จ ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ ‘เสวย’ ว่า บรรทม’ ต้องพูดตามคำธรรมดา ถ้าจะใช้คำราชาศัพท์ได้ก็ต่อเมื่อพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้เปลี่ยนเป็น เสด็จ

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นนี้ผู้นำของกัมพูชาในปัจจุบันจึงสามารถมีคำนำหน้านามบรรดาศักดิ์ว่า “สมเด็จ ได้ทั้งที่เป็น สามัญชน

ที่มาของนามบรรดาศักดิ์ในทำเนียบบรรดาศักดิ์กรุงกัมพูชาสมัยหลังพระนคร

อาณาจักรกัมพูชาสมัยหลังพระนคร (พุทธศตวรรษที่ 21 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 24) เป็นสมัยที่ราชสำนักกัมพูชาได้ย้ายศูนย์กลางจากตอนเหนือของบริเวณทะเลสาบเขมรไปตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง คือ บริเวณเมืองละแวก และเมืองอุดงค์ฦๅชัย ในสมัยนี้วัฒนธรรมเขมรโบราณในบริเวณที่ราบลุ่มของทะเลสาบใหญ่เขมรคลายกำลังความเข้มแข็งศักดิ์สิทธิ์ลงและเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในอาณาจักรกัมพูชาหลายด้าน

ตำแหน่งยศและนามบรรดาศักดิ์ของขุนนางกัมพูชาในสมัยหลังพระนครมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ใช้ว่า “กัมรเตงอัญ เสตงอัญ ฯลฯ มาใช้ตำแหน่งยศและนามบรรดาศักดิ์ชุดเดียวกับกรุงศรีอยุธยา คือ มีตำแหน่ง “เจ้าพญา “ออกญา “ออกพระ” “ออกหลวง” “ขุน” เป็นต้นยศตำแหน่งและนามบรรดาศักดิ์ของขุนนางกัมพูชาสมัยหลังพระนครเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับยศตำแหน่งและราชทินนามของกรุงศรีอยุธยา

นามบรรดาศักดิ์ “เดโช” ในทำเนียบบรรดาศักดิ์กรุงกัมพูชา

นามบรรดาศักดิ์ “เดโช” เดิมเป็นนามบรรดาศักดิ์ของ เจ้าเมืองกำพงสวาย ดังปรากฏในทำเนียบบรรดาศักดิ์กรุงกัมพูชาว่า เมืองกพงสวาย พระยาเดโช เจ้าเมือง นอกจากนี้ยังปรากฏในจารึกนครวัดสมัยหลังพระนครหลักที่ IMA.9 ซึ่งจารึกขึ้นเมื่อ พ.. 2160-70 กล่าวถึง เจ้าพญาเดโชชัย และในจารึกนครวัดสมัยหลังพระนครหลักที่ IMA.39 จารึกเมื่อปี พ.. 2290 มีความตอนหนึ่งกล่าวว่า พระราชทานออกญาวงศษาอัครราชเป็นออกญาเดโชกินเมืองกำพงสวายนั้น

รวมทั้งยังมีการกล่าวถึงนามบรรดาศักดิ์ ออกญาเดโช” ในราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา พงศาวดารพระมหากษัตริย์ และเอกสารมหาบุรุษเขมรด้วย ดังความตอนหนึ่งในพงศาวดารพระมหากษัตริย์ฯ ว่า ออกญายมราชแบนเป็นข้าสมเด็จพระรามาราชาธิราชไปอยู่กับออกญาเดโชแทนที่เมืองกำพงสวาย แล้วออกญายมราชแบนหนีเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา แสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งนี้น่าจะมีใช้มาตั้งแต่ในกัมพูชาสมัยหลังพระนคร

ต่อมาในสมัยอาณานิคมฝรั่งเศส ตำแหน่ง ออกญาเดโช ได้เปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งของเจ้าเมืองกำพงธม (จังหวัดกำพงธม) เมื่อฝรั่งเศสได้ย้ายศูนย์กลางของเมืองนี้จากเมืองกำพงสวายมาไว้ที่เมืองกำพงธม ดังปรากฏนามบรรดาศักดิ์ในตำแหน่งมนตรีรัฐบาลเขตว่า ออกญาเดโชบุราราชธรณินท นรินทบริรักษ์ สมุหาธิบดี อภัยเภรีปารากรมพาหุ” 

ตำแหน่ง “ออกญาเดโช” เป็นตำแหน่งสำคัญ เพราะเป็นเจ้าเมืองเอก มีอำนาจมากและมักมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพในการทำสงครามด้วย

นามบรรดาศักดิ์ เดโช จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า นามบรรดาศักดิ์นี้เป็นนามบรรดาศักดิ์ของ ออกญาเดโชบุราราช (มาศ) หรือ เดโชกรอฮอม และออกญารามราชเดโช (ยต) ซึ่งทั้ง 2 คนนี้เป็น วีรบุรุษของกัมพูชาที่มีคุณูปการทั้งในด้านการปราบกบฏ และในด้านการสงครามต่อต้านการรุกรานจาก เสียม (สยาม)

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ “สามสมเด็จแห่งกัมพูชา : เจีย ซีม, ฮุน เซน และ เฮง สัมริน ที่มาและความหมายของนามบรรดาศักดิ์” เขียนโดย รศ.ดร. ศานติ ภักดีคำ ในศิลปวัฒนธรรม มิถุนายน 2552


แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาในออนไลน์เมื่อ 4 เมษายน 2562 / แก้ไขเพิ่มเติม 21 กุมภาพันธ์ 2567