สาวสมัยพุทธกาลเข้าใจผิด คิดว่าช่วยคลายกำหนัดให้พระแล้วจะได้บุญ

ภาพประกอบเนื้อหา - ภาพพิมพ์ พระสงฆ์ ถือตาลปัตร ปลายศตวรรษที่ 17 ภาพจากหอสมุดแห่งชาติ กรุงปารีส

ใน พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] ปาราชิกสิกขาบทที่ 1 วินีตวัตถุ เขียนไว้ว่า (เน้นคำใหม่โดยกองบรรณาธิการ)

“…สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์ มีอุบาสิกาคนหนึ่งชื่อสุปัพพา มีความเลื่อมใสแบบงมงาย มีความเห็นอย่างนี้ว่า หญิงผู้ถวายเมถุนธรรม ชื่อว่าได้ถวายทานอันเลิศ เมื่อนางพบภิกษุรูปหนึ่ง จึงกล่าวว่า

‘นิมนต์มาเสพเมถุนธรรมกันเถิดเจ้าค่ะ’

‘อย่าเลยน้องหญิง เรื่องนี้ไม่สมควร’ [ภิกษุตอบ]

‘นิมนต์เถิดเจ้าค่ะ นิมนต์เสียดสีที่สะดือ ทำอย่างนี้ท่านไม่ต้องอาบัติ’

ท่าน [ภิกษุ] ได้ทำอย่างนั้น แล้วเกิดความกังวลใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

พระองค์ตรัสว่า ‘ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส’ (เรื่องที่ 54)…”

ทั้งนี้ ในพระวินัยปิฎกยังมีตัวอย่างลักษณะคล้ายๆ กันอีกหลายกรณีที่สตรีเสนอคลายกำหนัดให้ภิกษุด้วยวิธีการต่างๆ เช่นให้เสียดสีที่เกลียวท้อง เสียดสีที่ซอกรักแร้ หรือแม้กระทั่ง “ช่องหู” ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า พฤติการณ์เช่นนั้นไม่ทำให้ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

คลิกอ่านเพิ่มเติม : อาบัติ “ปาราชิก” ย้อนดูเหตุการณ์ปาราชิกสมัยรัชกาลที่ 4

คลิกอ่านเพิ่มเติม : รัชกาลที่ 4 ทรงออกประกาศ ห้ามพระสงฆ์ไม่ให้ใบ้-แทง “หวย” แลประพฤติอนาจาร


เผยแพร่ออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 สิงหาคม 2559