
ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“เตียอูเต็ง” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “ห้างกิมเซ่งหลี” เมืองตาก ตำนานเสื่อผืนหมอนใบจากเมืองจีน สู่เจ้าสัวใหญ่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นสกุลใด?
นอกจากชาวจีนจะอาศัยอยู่มากในภาคกลางแล้ว ยังกระจายตัวไปตั้งรกรากในภาคเหนือ สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะร่ำรวย อย่าง “จีนเต็ง” ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงอุดรภัณฑ์พานิช
หนังสือ “ประวัติจีนกรุงสยาม A History of the Thai-Chinese เล่มที่ 2 ยุคล่าอาณานิคม” (สำนักพิมพ์มติชน) โดย เจฟฟรี ซุน และพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร เล่าเรื่องจีนเต็งไว้ว่า

อูเต็ง แซ่เตีย ชายหนุ่มฐานะยากจนจากอำเภอเตี่ยอัง ประเทศจีน ตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหางานทำในสยาม โดยทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 18 บาทเป็นค่าโดยสาร
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ประวัติชีวิตของจีนเต็ง ที่ต่อมาคือเจ้าสัวใหญ่ว่า
“…เมื่อแรกเข้ามาถึงเมืองไทยรับจ้างเขาเป็นจับกังพายเรือ (ได้รายได้เดือนละ 3 บาท) ด้วยในสมัยนั้นถนนรนแคมยังไม่ใคร่มี ไปไหนไปเรือกันเป็นพื้น พวกจีนที่เป็นเถ้าแก่มักใช้เรือสำปั้น 3 กระทงเวลาไปไหนตัวเถ้าแก่นั่งคัดท้าย มีจับกังพายจ้ำไปข้างหัว 2 คนเขามักจ้างจีนใหม่ ให้ค่าจ้างถูกๆ เพราะจับกังพายเรือไม่ต้องรู้ภาษาไทย แล้วแต่เถ้าแก่สั่งให้พายก็พายไป
รับจ้างพายเรืออยู่จนได้เงินใช้หนี้ที่เขาทดรองค่าโดยสารหมดแล้ว จึงคิดอ่านไปรับจ้างเขาหุงข้าวกะทะในโรงกงสีสำหรับเลี้ยงจับกัง ได้ค่าจ้างมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ค่อยสะสมค่าจ้างไว้เป็นทุน จนพอจะออกค้าขายโดยลำพังได้…”

ต่อมา จีนเต็งย้ายไปรับจ้างในสวนผัก รับเงินเดือนละ 10 บาท ออมเงินได้จำนวนหนึ่งก็นำไปปล่อยกู้หารายได้จากผู้ที่ยากจนกว่าตัวเอง เมื่อสะสมทุนรอนได้ก้อนหนึ่งก็เดินทางขึ้นเหนือไปค้าขายที่เมืองตากใน พ.ศ. 2413
ที่นั่นจีนเต็งแต่งงานกับ “ทองก้อน” หญิงสาวจากครอบครัวผู้มีฐานะในล้านนา และได้พบกัลยาณมิตร 2 คน คือ จีนบุญเย็น และ จีนทองอยู่ ซึ่งทั้งสองมีฐานะมั่นคงอยู่แล้วที่เมืองตาก
จากนั้นทั้งสามคนก็ร่วมมือกันทำธุรกิจในชื่อ “ห้างกิมเซ่งหลี”
ความที่มีหัวการค้า เมื่อจีนเต็งขึ้นไปค้าขายที่เมืองเชียงใหม่ตามคำแนะนำของแม่ยาย ก็ไปผูกสัมพันธ์กับเจ้านายเมืองเชียงใหม่ และ พระนรินทรราชเสนี (พุ่ม) ข้าหลวงสยามประจำเชียงใหม่ ทำให้เขามีเส้นสายไปรับช่วงผูกขาด ทำภาษีอากร ฝิ่น สุรา และบ่อนเบี้ยเมืองเชียงใหม่จาก พระภักดี ขุนนางสยาม
จีนเต็งพัฒนาตัวเองจนขยับสถานะเป็นเจ้าภาษีนายอากร ที่ชำนาญการประมูลภาษี ชาวบ้านเรียกขานเขาว่า “อากรเต็ง”

“ห้างกิมเซ่งหลี” กลุ่มธุรกิจใหญ่แห่งเมืองเหนือ
เมื่อราชสำนักสยามปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและการปกครอง กลุ่มกิมเซ่งหลีก็มีโอกาสประมูลสัมปทานป่าไม้ และสัมปทานผูกขาดการจัดเก็บภาษีอากรต่างๆ ตั้งแต่เมืองเชียงใหม่ลงมาถึงปากน้ำโพ
โดยเฉพาะภาษีฝิ่น มณฑลพายัพ ที่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่มีใครสู้ราคาประมูลของกลุ่มกิมเซ่งหลีได้เลย
จากหัวเมืองเหนือ กลุ่มกิมเซ่งหลีได้ขยายกิจการลงมาตั้งโรงเลื่อยที่กรุงเทพฯ ใน พ.ศ. 2436 โดยมีอากรเต็งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลธุรกิจ
กลุ่มกิมเซ่งหลีดำเนินธุรกิจเจริญเติบโตก้าวหน้า และเป็นเจ้าภาษีที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่รัชกาลที่ 5 ตรัสชมว่า “(ทางเหนือ) ไม่มีเจ้าภาษีนายอากรรายใดเก่งเท่าห้างกิมเซ่งหลี”

เตียอูเต็งยังมีบทบาทช่วยเหลือกิจการสาธารณะ รับสร้างสะพานข้ามคลองสามเสนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ดังพระราชกระแสในรัชกาลที่ 5 พระราชทาน พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เมื่อครั้งกระทรวงโยธาธิการมีหนังสือกราบบังคมทูล เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อากรเต็งสร้างสะพานข้ามคลองสามเสนถวายว่า
“…จีนอากรเตงมีน้ำใจจะช่วยรับทำตพานคลองสามเสนโดยไม่คิดราคาดังนี้ เปนที่ยินดีในกุศลเจตนาของนายอากรเตง แลขอบใจในการที่ได้ช่วยเกื้อกูลการบ้านเมือง ให้เธอบอกจีนอากรเตงให้ทราบตามซึ่งฉันได้มีความยินดีดังนี้ อนุญาตให้จีนอากรเตงทำตพาน แลให้เรียกชื่อตพานนั้นว่า ตพานอากรเตง สืบไป”
ล่วงเข้าสู่รัชกาลที่ 6 ที่มีการพระราชทานนามสกุล ทายาทของผู้ก่อตั้งกิมเซ่งหลีได้รับพระราชทานนามสกุล “โสภโณดร” มีความหมายว่า ทิศเหนืออันงดงาม
นามสกุลนี้ใช้สืบมาโดยลูกหลานของหลวงอุดรภัณฑ์พานิช (เตียอูเต็ง) ในกรุงเทพฯ และลูกหลานของหลวงบริรักษ์ประชากร (จีนทองอยู่) ซึ่งดูแลกิจการที่เมืองตาก
อ่านเพิ่มเติม :
- 9 ตระกูลจีนกรุงธนบุรี ทุกวันนี้สืบสายเป็นสกุลใดบ้าง? (ตอนที่ 1)
- 9 ตระกูลจีนกรุงธนบุรี ทุกวันนี้สืบสายเป็นสกุลใดบ้าง? (ตอนที่ 2)
- “ชาวจีนในนครปฐม” เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ทำอาชีพอะไรกันบ้าง?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร, สมชาย จิว และนิรันดร นาคสุริยันต์ แปลและเรียบเรียง. ประวัติจีนกรุงสยาม เล่มที่ 2 ยุคล่าอาณานิคม. กรุงเทพฯ: มติชน, 2568
สั่งซื้อหนังสือชุดนี้ที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์มติชน ได้ที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 มิถุนายน 2568