ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
มะเร็งเต้านม โรคเก่าแก่กว่า 4,500 ปี พบหลักฐานในกระดาษปาปิรัสของอียิปต์โบราณ
“มะเร็งเต้านม” เป็นประเภทของมะเร็งที่พบมากสุดในผู้หญิงทั่วโลก รวมทั้งพบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย โชคดีที่ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้า มีเครื่องมือและยาในการรักษา ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีระหว่างรักษา และช่วยให้อัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
แต่ถ้าย้อนไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน หรือแม้กระทั่งหลายพันปีก่อน ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมโอกาสรอดเท่ากับศูนย์

หนึ่งในหลักฐานเก่าแก่สุดเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม คือ “ตำราการแพทย์ปาปิรัสของเอ็ดวิน สมิธ” (Edwin Smith Surgical Papyrus) ซึ่งตั้งชื่อตาม เอ็ดวิน สมิธ ชาวอเมริกัน ผู้ซื้อเอกสารนี้ใน ค.ศ. 1862
บันทึกนี้มีอายุย้อนไปถึง 1600 ปีก่อนคริสตกาล แต่นักวิชาการเชื่อว่า บันทึกดังกล่าวอาจเป็นสำเนาของเอกสารที่เก่าแก่กว่านั้น คือระหว่าง 2500-3000 ปีก่อนคริสตกาล
ม้วนกระดาษปาปิรัสของเอ็ดวิน สมิธ ได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราการแพทย์ฉบับแรกซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เนื้อหากล่าวถึงการรักษาโรคอย่างมีเหตุมีผล เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้บันทึกคาถาอาคมหรือเวทมนตร์ เพื่อเยียวยาอาการเจ็บป่วย
ในตำรากล่าวถึงอาการเจ็บป่วยและการรักษา 48 กรณี หนึ่งในนั้นระบุถึงก้อนเนื้อแข็งในเต้านมของผู้ป่วย นักวิชาการตีความว่า ก้อนแข็งที่ว่าอาจเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งในยุคนั้นรักษาไม่ได้

ขยับมาที่ราว 400 ปีก่อนคริสตกาล ฮิปโปเครติส (Hyppocrates) แพทย์ชาวกรีกผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการแพทย์” ได้บัญญัติคำว่า “มะเร็ง” (cancer) ขึ้น มีรากศัพท์จาก “คาร์คินอส” (karkinos) คำในภาษากรีกที่แปลว่า ปู หรือกุ้งเครย์ฟิช สะท้อนพฤติกรรมของโรคที่แผ่ขยายและบุกรุกเนื้อเยื่อข้างเคียงราวกับแขนงของปู
ในศตวรรษที่ 2 เกเลน (Galen) แพทย์ชาวกรีกได้สร้างคำว่า “ออนคอส” (oncos) เป็นคำกรีกแปลว่า การบวม ใช้เรียกโรคร้าย เขาเชื่อว่าโรคเกิดจากความไม่สมดุลของของเหลวในร่างกาย และมะเร็งเต้านมมีลักษณะเป็นโรคที่กระทบทั้งระบบ เนื่องจากการสะสมของน้ำดีดำในกระแสเลือด
แวดวงการแพทย์รับรู้และหาทางเอาชนะมะเร็งเต้านม โรคเก่าแก่ชนิดนี้มาต่อเนื่องนับพันๆ ปี กระทั่งทุกวันนี้แม้อัตรารอดชีวิตจากโรคดังกล่าวจะสูง แต่ก็มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน
องค์การสหประชาชาติ (United Nations-UN) ให้ข้อมูลว่า ปี 2022 เพียงปีเดียว คาดว่ามีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ถึง 2.3 ล้านคนทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตราว 6.7 แสนคน หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป คาดการณ์ว่าภายในปี 2050 จะมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ราว 3.2 ล้านคนต่อปี และมีผู้เสียชีวิตราว 1.1 ล้านคนต่อปี
ส่วนในไทย กรมการแพทย์ บอกว่า มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นราว 20,000 คนต่อปี มีผู้เสียชีวิตราว 4,800 คนต่อปี และมีแนวโน้มการเกิดโรคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมสามารถทำได้ด้วยตัวเองในเบื้องต้น คือ การคลำเต้านมและบริเวณโดยรอบ ดูว่ามีก้อนนูนหรือก้อนแข็งหรือไม่ มีเลือดหรือของเหลวไหลออกจากหัวนมหรือเปล่า สีของหัวนมหรือเต้านมเปลี่ยนไปไหม ผิวหนังบริเวณนั้นแปลกไปหรือไม่ ซี่งสามารถสังเกตเองได้ทุกเดือน หากพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์
หรืออีกทางคือการตรวจอย่างละเอียดด้วย เครื่องอัลตราซาวด์ ที่ช่วยแยกเนื้อเยื่อเต้านมปกติกับก้อนเนื้อในเต้านมได้ หรือตรวจเพิ่มเติมด้วย เครื่องแมมโมแกรม ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการตรวจหินปูนในเต้านม ดูการเรียงตัวของหินปูนในเต้านมว่าผิดแปลกจนมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ โดยการตรวจอัลตราซาวด์และแมมโมแกรมร่วมกันจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย
หากพบก้อนเนื้อหรือสังเกตอาการได้เร็ว ก็จะยิ่งเอื้อให้การวินิจฉัยและการรักษาเป็นไปอย่างทันท่วงทีมากขึ้น
ท้ายสุด ลบความเชื่อไปเลยว่า มะเร็งเต้านม โรคเก่าแก่ที่ปรากฏหลักฐานมากว่า 4,500 ปี จะเกิดได้เฉพาะในผู้หญิงเท่านั้น เพราะผู้ชายก็เป็นมะเร็งชนิดนี้ได้เช่นกัน มีอัตราการพบในผู้ชายอยู่ที่ 0.5-1%
อ่านเพิ่มเติม :
- คำปฏิญาณของ “ฮิปโปเครติส” บิดาแห่งการแพทย์ ต้นกำเนิดจริยธรรม-จรรยาบรรณแพทย์
- ฮะนะโอะกะ เซชู ใช้ยาสลบในการผ่าตัดสำเร็จครั้งแรกของโลก เพราะภรรยายอมเป็น “หนูทดลอง”
- มารี คูรี และผู้วิจัยรักษามะเร็งยุคแรก สัมผัสรังสีบ่อยเกินจนเป็นมะเร็งที่ส่งผลภายหลัง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
“Breast cancer cases projected to rise by nearly 40 per cent by 2050, WHO warns”.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 5 มิถุนายน 2568