พิพิธภัณฑ์ซานฟรานฯ เตรียมส่ง 4 ประติมากรรมสำริด “ประโคนชัย” คืนไทย

ประติมากรรมสำริด ประติมากรรมพระโพธิสัตว์ พระติมากรรมพระพุทธรูป
(ภาพจาก Asian Art Museum)

พิพิธภัณฑ์ซานฟรานฯ สหรัฐอเมริกา ยืนยันการส่ง 4 ประติมากรรมพระโพธิสัตว์และพระพุทธรูป ประติมากรรมสำริดจากประโคนชัย จ. บุรีรัมย์ คืนให้ไทย ของพวกนี้ไปอยู่นั่นได้อย่างไร ทำไมเราถึงได้คืน และโบราณวัตถุกลุ่มนี้สำคัญต่อประวัติศาสตร์ชาติขนาดไหน ?

สหรัฐฯ เตรียมคืนประติมากรรมพระโพธิสัตว์-พระพุทธรูป

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ดร. ดำรง ลีนานุรักษ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เผยว่า คณะกรรมการกำกับ San Francisco Asian Art Museum (SFAAM) กำลังพิจารณาถอนสถานะการครอบครอง ประติมากรรมประโคนชัย 4 องค์ อีกครั้ง (ครั้งที่ 2) เพื่อส่งคืนไทยตามคำร้องต่อศาล โดยหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ  (Homeland Security Investigations : HSI) และอัยการกลาง

การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามกฎบัตรของพิพิธภัณฑ์ คือ เมื่อผู้บริหารเสนอเรื่องเพื่อขอถอนสถานะการครอบครองโบราณวัตถุใดจากบัญชีถือครองของพิพิธภัณฑ์ หากอนุมัติแล้วต้องรออีก 6 เดือน เพื่อศึกษาเพิ่มเติม แล้วนำกลับมาเสนอที่ประชุมและลงมติกันเป็นครั้งสุดท้าย

ล่าสุด วันที่ 28 เมษายน 2568 ดร. ดำรง ระบุว่า พิพิธภัณฑ์ซานฟรานฯ ยืนยันผลการพิจารณาแล้วว่าจะส่ง 4 ประติมากรรมสำริด “ประโคนชัย” คืนไทย โดยจะมีแถลงอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้

ดร. ดำรง ให้ข้อมูลว่า ประติมากรรมสำริดประโคนชัยทั้ง 4 องค์ อยู่ในรายการโบราณวัตถุ 32 รายการที่รัฐบาลไทยส่งหนังสือไปยังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการตั้งแต่ พ.ศ. 2562 โดยหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ และอัยการกลาง นำขึ้นศาล ขอหมายเรียก และเจรจากับพิพิธภัณฑ์ 7 แห่ง

เป็นที่ทราบกันว่า ชาวบ้านที่ลักลอบขุดได้ขายโบราณวัตถุชุดนี้ให้ผู้รับซื้อ ก่อนส่งออกต่างประเทศให้บริษัท Spink and Son ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยนายดักลาส แลชฟอร์ด (Dauglash Latchford) ก่อนไปถึงขบวนการเสนอขายระดับโลก ด้วยความร่วมมือกับนางเอ็มมา ซี บังเกอร์ (Emma C. Bunker) ซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับประติมากรรมชุดนี้และโบราณวัตถุอื่น ๆ อย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม นายดักลาส แลชฟอร์ด ซึ่งถูกฟ้องร้องแต่เสียชีวิตลงก่อนขึ้นศาล เรื่องจึงพับไป

“ผลพวงจากการพิจารณาคืนประติมากรรมสำริดประโคนชัยให้ไทย จากการดำเนินการของ HSI และอัยการกลางในครั้งนี้ จะมีผลดีต่อการเจรจาของ HSI และอัยการกลางต่ออีก 6 มิวเซียมที่มีรายการทวงคืนประติมากรรมสัมฤทธิ์ประโคนชัยอีก 14 องค์ โดยเชื่อว่าจะเป็นกรณีตัวอย่างที่นำไปสู่การพร้อมใจกันคืนในเร็ววัน” ดร. ดำรง กล่าว

ประติมากรรมสำริด ประติมากรรมพระโพธิสัตว์ พระติมากรรมพระพุทธรูป
ประติมากรรมสำริดทั้ง 4 องค์ (ภาพจาก เฟซบุ๊ก สำนึก ๓๐๐ องค์ / Asian Art Museum)

สำหรับผู้มีส่วนผลักดันเรื่องนี้ ดร. ดำรง ยกเครดิตให้คณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยจากต่างประเทศกลับคืนสู่ไทย ซึ่งจัดตั้งเมื่อ พ.ศ. 2560 รวมถึง HSI และอัยการกลางสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ยังมีทีมงาน “สำนึก ๓๐๐ องค์” ที่เริ่มต้นโดย ดร. ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ และ นายโชติวัฒน์ รุญเจริญ เป็นผู้จุดประกาย รณรงค์ให้มีการทวงคืนโบราณวัตถุเหล่านี้ และ ดร. เจษฎ์ โทณะวณิก ผู้ประสานงาน กับนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมในรัฐบาลก่อน ที่สนุนการดำเนินการต่าง ๆ มาแต่แรก

ที่ขาดไม่ได้คือ “ท่านอาจารย์” หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ผู้จุดประกายกิจกรรมการทวงคืนโบราณวัตถุไทยจากต่างประเทศ และผู้เขียนบทความ “ประติมากรรมสัมฤทธิ์ประโคนชัย” เล่าถึงประติมากรรมสำริดประโคนชัยกว่า 300 องค์ ที่ถูกลักลอบขุดและส่งออกไปต่างประเทศ

พระติมากรรมพระพุทธรูป
พระติมากรรมพระพุทธรูปสำริด (ภาพจาก Asian Art Museum)

ประติมากรรมประโคนชัย มรดกไทยแห่งบุรีรัมย์

ประติมากรรมประโคนชัย คือ ประติมากรรมสำริดรูปพระโพธิสัตว์และพระพุทธรูป จากปราสาทเขาปลายบัด จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ถูกลักลอบขุดเมื่อราว พ.ศ. 2507 ก่อนจะไปจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ชื่อดังทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ประมาณการณ์กันว่า โบราณวัตถุเหล่านี้มีอายุราว 1,300 ปี และอาจมีจำนวนถึง 300 องค์

ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยกับทีมข่าวมติชนออนไลน์ (23 เมษายน 2559) ว่า ประติมากรรมชุดนี้ไม่เคยถูกประเมินค่าโดยนักโบราณคดีหรือนักประวัติศาสตร์ไทยอย่างจริงจัง เพราะถูกลักลอบขุดออกไป จึงไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือเปล่า แต่เพิ่งมายอมรับภายหลังว่ามาจากปราสาทปลายบัด 2

เมื่อลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านเพื่อประกอบการทำวิทยานิพนธ์ พ.ศ. 2547 ก็ยังพบร่องรอยการขุดอยู่ ไม่มีการจัดการหรือปรับทัศนียภาพให้เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญเลย

ศิริพจน์ เล่าว่า ประติมากรรมพระโพธิสัตว์จากประโคนชัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระอวโลกิเตศวรกับพระศรีอาริยเมตไตรย (พุทธศาสนานิกายมหายาน) มีความน่าสนใจมาก เพราะไม่ค่อยพบในพื้นที่อื่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในศรีวิชัย (ชวา) ที่เป็นมหายานก็ไม่พบ จะมีเหมือนกันคือที่อินเดีย ในถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลรา แม้แต่ประติมากรรมร่วมสมัยในกัมพูชาก็ไม่นุ่งผ้าแบบที่พบจากประโคนชัย

เมื่อถามถึงว่าประติมากรรมประโคนชัยเกี่ยวข้องกับศรีจนาศะ รัฐโบราณในแถบอีสานใต้ของไทยหรือไม่ ศิริพจน์ชี้ว่า ไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ได้ เพราะการเจอปริมาณเยอะ ๆ ฝังอยู่ใต้ดินในปราสาทหลังเล็ก ๆ แบบนี้ เป็นไปได้ว่าอาจมีคนเอามาฝังรวมกัน นั่นคือไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่

อีกเหตุผลคือ ศรีจนาศะมีโบราณสถานกลางเมือง เขาเป็น “ศิวลึงค์” ของศาสนาฮินดูแบบไศวนิกาย จึงไม่น่าใช่ แต่บางชิ้นอาจมาจากเมืองเสมา จ. นครราชสีมา ซึ่งเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของศรีจนาศะก็ได้ เพราะเมืองเสมาก็มีการพบพระพุทธรูปอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าทั้งหมดมาจากเมืองเสมา สันนิษฐานว่าในอดีตอาจเคยมีรัฐขนาดเล็กที่นับถือมหายานในแถบนี้ก็ได้ หรืออาจเป็นของจากบ้านเล็กเมืองน้อยที่กระจายอยู่ทั่วที่ราบสูงโคราช หรืออีสานใต้

“ประติมากรรมแบบประโคนชัยนี้ก็เป็นหนึ่งในประติมากรรมหลาย ๆ แบบที่คนไทยไม่รู้จัก เพราะไม่ถูกบรรจุอยู่ในประวัติศาสตร์แห่งชาติ ที่เล่าเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี (เขมร) สุโขทัย อู่ทอง อยุธยา ไม่มีพื้นที่ให้แบบอื่น… เวลาพูดว่าศิลปะลพบุรี ไม่ได้มีพื้นที่เผื่อแผ่ให้คนคิดถึงกลุ่มนี้แน่นอน” ศิริพจน์ กล่าว

การศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประติมากรรมสำริดแบบประโคนชัยอย่างเจาะลึก จึงอาจจะเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญอีกชิ้นที่จะช่วยอธิบายความเจริญของผู้คนแถบอีสานใต้ของดินแดนไทยให้กระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

https://www.matichon.co.th/local/arts-culture/news_5148043

https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_114956

https://www.matichon.co.th/local/arts-culture/news_5157997


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 เมษายน 2568