“อุโมงค์ขุนตาน” อุโมงค์ลอดรถไฟ 2 รัชกาล ที่ให้แรงงานเสพฝิ่นเสรี ไม่ผิดกฎหมาย

อุโมงค์ขุนตาน
จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ฉาย ณ ปากอุโมงค์ขุนตาลด้านทิศเหนือ ในเขตจังหวัดลำพูน เมื่อครั้งเสด็จฯ พ.ศ.2459 (ภาพจากสำนักศิลปากรเชียงใหม่)

“ฝิ่น” ถือเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยมายาวนาน มีข้อมูลปรากฏว่ามีการเสพและปราบปรามฝิ่นตั้งแต่ก่อนสมัยอยุธยา เพื่อไม่ให้สังคมติดฝิ่นจนไม่เป็นอันทำอะไร ทว่าช่วงหนึ่ง มีการให้แรงงานเสพฝิ่นได้อย่างเสรี เพื่อสร้างอุโมงค์ลอดรถไฟสายเหนือ นั่นคือ “อุโมงค์ขุนตาน”

อุโมงค์ขุนตาน เป็นอุโมงค์ทางรถไฟลอดผ่านของรถไฟสายเหนือที่เคยยาวที่สุดในประเทศไทย ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน 

ปากอุโมงค์ขุนตานทางด้านทิศใต้ ปี พ.ศ.2459 (ภาพจากสำนักศิลปากรเชียงใหม่)

การสร้างที่นี่เป็นที่เล่าขานจวบจนปัจจุบัน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างอุโมงค์ลอดรถไฟที่มีความยาวขนาดนั้นเมื่อ 100 กว่าปีก่อน 

อุโมงค์นี้เริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในตอนนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีวิศวกรรมหรือเครื่องมือที่ทันสมัยพอที่จะทุ่นแรงมนุษย์ได้เพียงพอ จึงทำให้การสร้างอุโมงค์ต้องใช้คนเท่านั้น

คนที่ว่าก็คือแรงงานจีน คนกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ขุดเจาะหินจำนวนมากเพื่อให้อุโมงค์มาบรรจบกันในฝั่งลำปางและลำพูน

การมาทำงานที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะความจริงอันน่าเศร้าบันทึกไว้ว่า แรงงานของอุโมงค์แห่งนี้ต้องติดฝิ่นเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยที่พวกเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบกับการกระทำดังกล่าว

“การติดฝิ่น” เป็นปัจจัยสำคัญของคนทำงานที่นี่ เพราะการจะขุดหินหรือทำงานในที่แคบเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอสำหรับแรงงานที่อยู่ในนั้น ทว่าคนที่ติดฝิ่นจะมีธรรมชาติพิเศษบางอย่าง นั่นคือ การอดทนกับการขาดอากาศหายใจเป็นระยะเวลานานได้ โดยไม่ต้องใช้อ๊อกซิเจนเท่าคนปกติ

แรงงานที่นี่จึงต้องเสพฝิ่นเพื่อทำงานให้ได้นานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ให้ทันกับงานที่ดำเนินไปตลอด 24 ชั่วโมง

ฝิ่นหนึ่งหลอดจะมอบให้กรรมกรแต่ละผลัด พร้อมกับเทียนไข ให้ 2 ครั้งคือตอนเข้าผลัดและตอนเย็น ทุกครั้งที่มีการเบิกฝิ่นจะหักจากค่าแรงงานของพวกเขา

ปากอุโมงค์ด้านทิศเหนือ เจ้าพระยาวงศานุพันธ์ (มรว.สะท้าน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ตําแหน่ง เสนาบดี กระทรวงคมนาคม พร้อมคณะตรวจการขุดอุโมงค์ เมื่อ พ.ศ. 2454 (ภาพจากสำนักศิลปากรเชียงใหม่)

เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ วิศวกรชาวเยอรมัน ผู้รับหน้าที่วิศวกรผู้คุมการเจาะอุโมงค์ดังกล่าว จะติดต่อกับรัฐบาลไทยให้ส่งฝิ่นมา เพื่อจำหน่ายให้กับแรงงานเฉพาะที่นี่เท่านั้น โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อให้แรงงานที่ทำงานอยู่สบายใจว่าตนเองจะมีฝิ่นให้เสพตลอดเวลา และไม่ย้ายตนเองไปติดพนันแทน

ไม่เพียงแค่ใช้ฝิ่น แต่ในตอนกลางคืน กรรมกร 2 คน จะได้รับสิ่งที่เรียกว่าโคมเป็ด 1 อัน สำหรับช่วยดูดควันพิษและสูบน้ำเข้าไปในอุโมงค์ให้คนงานได้อาบเพื่อลดอุณหภูมิด้านในให้เย็นลง

รวมถึงมีเครื่องเป่าอากาศที่ปากอุโมงค์และเจาะปล่องทะลุขึ้นไปบนหลังเขา หากอยู่ในจุดที่อุโมงค์ไม่หนา

ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยต่อลมหายใจให้คนที่ทำงานในอุโมงค์ที่ทั้งแคบทั้งลึก แทบไร้อากาศหายใจ

ชีวิตความเป็นอยู่ของกรรมกรผู้สร้างอุโมงค์แห่งนี้ดำเนินไปเช่นนี้ในทุก ๆ วัน ถูกเอารัดเอาเปรียบเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงชีพ ถ้าหากว่าไม่ทำงาน กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะทนทุกข์ทรมานกับอาการติดฝิ่น 

การสร้างอุโมงค์นี้เสร็จสิ้นเมื่อ พ.ศ. 2464 เป็นอันเสร็จสิ้นทางรถไฟแห่งภาคเหนืออันยาวนาน ที่มีผู้ใช้แรงงานฝิ่นจำนวนไม่น้อยต้องจบชีวิตลงที่นี่

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

https://www.matichonweekly.com/culture/article_17957

https://www.matichon.co.th/columnists/news_3620217

https://www.silpa-mag.com/history/article_116883


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 4 เมษายน 2568