“สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล” พระราชธิดาที่รัชกาลที่ 5 ทรงสนิทกว่าพระราชธิดาองค์ใด

สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล
สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล

“สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล” พระราชธิดาคู่พระทัย ที่รัชกาลที่ 5 ทรงสนิทกว่าพระราชธิดาองค์อื่น

หากให้พูดถึงพระราชธิดาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงรักและสนิทชิดเชื้อ หนึ่งพระองค์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี” เพราะพระองค์ทรงทำงานเคียงข้างพระราชบิดาแทบทุกด้านในฐานะราชเลขานุการิณี 

ทั้งยังเป็นบุคคลที่รัชกาลที่ 5 ทรงสามารถพูดคุยความรู้ต่าง ๆ ได้มากมาย จนครั้งหนึ่งเคยมีคนกล่าวว่า พระองค์คือพระราชธิดาคู่พระทัยพระราชบิดาอย่างแท้จริง 

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล เป็นพระเจ้าลูกเธอลำดับที่ 49 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2429

พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาที่ทรงมีสติปัญญาดีเลิศ มากด้วยพระปรีชาสามารถตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ในหนังสือ “ลูกแก้วเมียขวัญ” ของศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย กล่าวเรื่องนี้ไว้ว่า “พระองค์เป็นพระราชนารีที่มีพระคุณสมบัติโดดเด่นกว่าพระราชนารีรุ่นเดียวกัน ทั้งพระปรีชาสามารถความฉลาดเฉลียวและพระจริยวัตรอันงดงามละมุนละม่อม”

ส่วนในประกาศพระเกียรติคุณเมื่อครั้งโปรดสถาปนาให้ทรงกรมฯ ก็มีข้อมูลว่า “…สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงสังเกตเห็นอุปนิสัยว่าทรงมีพระสติปัญญาสูงมาก จึงเอาเป็นพระราชธุระทรงฝึกสอนพระราชทานเอง ต่อมาเมื่อทรงพระเจริญวัยขึ้น จนรอบรู้กิจและวิชาการ…”

สะท้อนให้เห็นว่าพระราชธิดาพระองค์นี้ทรงมีความสามารถเพียงใด

ต่อมา พระองค์ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระราชบิดา ให้รับราชการสนองพระเดชพระคุณแบ่งเบาพระราชภารกิจในตำแหน่ง “ราชเลขานุการิณี” ซึ่งก็ทรงทำงานลุล่วงได้ด้วยดี 

นอกจากเรื่องงานราษฎร์งานหลวงแล้ว ทั้งสองพระองค์ยังทรงเข้ากันได้ดีในเรื่องส่วนพระองค์อีกด้วย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล ทรงมีเรื่องที่สนพระหฤทัยเช่นเดียวกับพระราชบิดา และทรงเป็นผู้ที่เมื่อสนใจอะไรแล้วก็จะต้องขวนขวายหาความรู้ด้วยพระองค์เองให้จงได้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ดังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวไว้ใน “พระราชนิพนธ์ไกลบ้าน” บทพระราชนิพนธ์ลายพระราชหัตถเลขา ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2450 ว่า “…เมืองเหล่านี้พ่อเข้าใจว่าลูกรู้จักทั้งสิ้น เพราะมีในหนังสือเชคสเปียที่เคยอ่าน…”

ด้วยความรู้ที่มีทั้งภายในและนอกประเทศ ทำให้รัชกาลที่ 5 ทรงพอพระราชหฤทัยในการตรัสเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล ฟัง โดยรัชกาลที่ 5 มีพระราชปรารภในพระราชหัตถเลขาเล่มเดิม ตอนหนึ่งว่า “พูดกับคนที่ไม่อ่านหนังสือไม่รู้สึก”

ทั้งยังตอกย้ำความผูกพันและสนิทแน่นแฟ้นระหว่างกันด้วยประโยคที่ว่า “จดหมายพ่อนี้ ได้ตั้งใจแต่จะเขียนความรู้สึกในใจอันเป็นส่วนตัว”

ข้อความนี้เอง จึงทำให้สมัยนั้นกล่าวว่า สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล ทรงเป็นพระราชธิดาคู่พระทัยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ความรักที่พระราชบิดามีต่อพระราชธิดาพระองค์นี้ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะครั้งเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 พ.ศ. 2450 รัชกาลที่ 5 ก็ทรงนำพระรูปของสมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล ไว้ที่ห้องบรรทม บนเรือพระที่นั่งมหาจักรีอีกด้วย ดังที่พระองค์ทรงบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา เรื่องการจัดแต่งห้องพระบรรทมภายในเรือพระที่นั่งมหาจักรี ว่า

“พ่อจัดหลังตู้ ตั้งพระปางห้ามสมุทรเมืองนครมุมหนึ่งต้นไม้ยี่ปุ่นปลูกกระถางกราบ เขาจัดสำหรับเรือ 2 กระถาง กับพระพุทธรูปทูลกระหม่อมปู่ รูปลูกอ่านหนังสือ รูปปราสาทราชมณเฑียร”

เมื่อเสด็จถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่แปลกตา ก็จะทรงระลึกถึงพระราชธิดาพระองค์นี้เสมอ และมีพระราชปรารถในพระราชหัตถเลขาว่า 

“พ่อคิดถึงลูกจริง ๆ ถ้าได้มาเที่ยวจะสนุกนัก”

“พ่อช่างอยากให้ลูกมาจริง”

“วันนี้ได้รับหนังสือใครต่อใครเป็นกอง แต่ไม่ได้หนังสือลูกสักฉบับเดียว” และเมื่อทรงได้รับแล้วก็ทรงบันทึกว่า “ขอบอกแต่ว่าวันนี้ได้รับหนังสือของลูก ซึ่งพ่อคอยนักหนา”

พ่อคิดถึงลูกเหลือประมาณทีเดียว สารพัดในการหนังสือที่เคยต้องทำเองทั้งสิ้น จนนอนฝันไปว่า ให้หญิงน้อย (พระนามสามัญของสมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล-ผู้เขียน) อ่านหนังสือ Development of the European Nations ให้ฟัง (เพราะพ่อกำลังอ่านอยู่) นอนฟังสบายเพราะนอนจริง ๆ นึกเปลี่ยวใจที่ไม่มีใครช่วยในการอ่านหนังสือ ยังไม่เคยลืมคิดถึงแต่สักวันหนึ่งเลย”

สมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีนภดารา (ซ้าย) และสมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดล (ขวา)

เมื่อเสด็จฯ ไปยังที่ใด ก็ยังทรงเลือกสรรของที่ระลึกให้พระราชธิดาพระองค์นี้อีกด้วย ดังปรากฏในหลักฐานเดียวกันว่า

“แล้วไปห้างเกลลี แอนด์ วอลซ์ ซื้อสมุดไปให้ลูกบรรจุตู้หนังสือ”

เมื่อถึงโมนาโก ก็ยังทรงมีของที่ระลึกให้เช่นเดิม ดังระบุว่า “กับแสตมป์มอนาโคอย่างละ 2 แผ่น ให้ลูกแผ่นหนึ่ง ให้เก็บไว้ให้พ่อแผ่นหนึ่ง”

แม้แต่เวลาเสวยก็ทรงระลึกถึงพระราชธิดา ดังพระราชปรารภในพระราชหัตถเลขาว่า

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประทับรถม้าพระที่นั่งที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประทับรถม้าพระที่นั่งที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี

“แลมีลูกสตรอเบอรีลงมาจากบนบกกำลังสด แลใหญ่มากอร่อยเสียจริงๆ กินเข้าไปเต็มจานเพราะอดผลไม้มาเหลือกำลัง พ่อช่างคิดถึงลูกเสียเหลือล้น เพราะกินอะไรอร่อยเคยกินด้วยกันเสมอ”

“วันนี้ก่อนจะนอน กินลูกแพร์ เป็นอย่างสุกงอมขนาดใหญ่ที่สุด คิดถึงเกือบน้ำตาหยด มันนุ่มแลรศแหลม”

พระราชหัตถเลขาที่ทรงมีมาถึงสมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดล ในครั้งนั้นมีถึง 43 ฉบับ ยาวถึง 1,850 หน้า 

แต่ละข้อความล้วนแสดงถึงความสนิทสนมระหว่างพ่อลูกอย่างแท้จริง

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานภดลก็ทรงใช้ความรู้ความสามารถที่ทรงได้จากพระราชบิดา สร้าง โรงเรียนนิภาคาร ขึ้น ทรงเป็นทั้งองค์อาจารย์และองค์อำนวยการ เพื่อให้หญิงไทยที่เข้ามาศึกษามีความรู้ความสามารถในทุกด้าน

กระทั่งวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2478 พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ที่อินโดนีเซีย หลังจากลี้ภัยในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ สิริรวมพระชนมายุ 49 พรรษา

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. ลูกแก้วเมียขวัญ. กรุงเทพฯ: มติชน, 2554.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 3 เมษายน 2568