“วังหน้า” ทรงพระพิโรธขั้น “ถีบฝรั่ง” ที่ชกมวยตุกติก หลังสู้กลเม็ดนักชกไทยไม่ได้

มวยคาดเชือก ศิริ สุวรรณวยัคฆ์ จีน พลจันทร​
ภาพประกอบเนื้อหา - การชกมวยโชว์ สมัยชกคาดเชือกระหว่าง ศิริ สุวรรณวยัคฆ์ กับ จีน พลจันทร​ ณ เวทีแข่งขันมวยนักเรียนสนามสวนกุหลาบวิทยาลัย พ.ศ. 2470

“วังหน้า” ในรัชกาลที่ 1 ทรงพระพิโรธขั้นถีบ “นักมวยฝรั่ง” ที่ชกมวยตุกติก หลังสู้กลเม็ดนักชกไทยไม่ได้

น้ำใจนักกีฬา ถือว่าสำคัญมากในการแข่งขันทางการกีฬาหรือการแข่งขันอื่นใดก็ตาม ต้องเล่นอยู่ในกฎกติกา รู้แพ้ รู้ชนะ และยิ่งด้วยการรู้อภัย ดั่งเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ แม้จะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่เป็นยุคแห่งการฟื้นฟูทั้งกำลังคน กำลังทรัพย์ พระราชประเพณี ขนบธรรมเนียมครั้นสมัยกรุงเก่าให้กลับคืนมาเช่นครั้นบ้านเมืองดีอีกครั้ง

จุลศักราช 1150 หรือ พ.ศ. 2331 หลังจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีได้ 6 ปี การค้าที่เคยซบเซาลงไปหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าแต่ก่อนมากนัก มีเรือกำปั่นฝรั่งเศสเข้ามาถึงพระนครหนึ่งลำ โดยเรือกำปั่นนี้ได้นำพาสองพี่น้อง “นักมวยฝรั่ง” ที่ขึ้นชื่อในวิชามวยมาด้วย ไม่ว่าเดินทางไปเมืองใดจะท้าพนันนักมวยเมืองนั้นๆ ไปสู้ แล้วเอาชนะมามากนักต่อนักแล้ว

เมื่อถึงกรุงสยาม พี่น้องสองคนอยากประกาศศักดาให้ชาวเมืองได้รู้ จึงแจ้งล่ามของตนไปกราบเรียนให้เจ้าพระยาพระคลังให้ทราบที่ใคร่อยากจะขึ้นสังเวียนชกพนันกับนักมวยเมืองสยาม เจ้าพระยาพระคลังเมื่อทราบความ จึงนำความนี้กราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงทราบ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาฯ จึงทรงนำความนี้มาปรึกษา พระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล

ครั้นจะไม่แต่งคนมวยออกไปสู้ด้วยฝรั่งๆ เป็นคนต่างชาติก็จะดูหมิ่นว่าพระนครนี้ หาคนมวยดีจะต่อสู้มิได้ ก็จะเสื่อมเสียพระเกียรติยศปรากฏไปนานาประเทศ ข้าพระพุทธเจ้าจะขอรับแต่งคนมวยที่มีฝีมือออกต่อสู้กับฝรั่ง เอาชัยชนะให้จงได้”

พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ ๑ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ

เมื่อทรงฟังดังนี้จาก พระโอษฐ์พระราชวังหน้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงรับพนันฝรั่งสองคนพี่น้องโดยมีเดิมพันเป็นเงิน 50 ชั่ง พระราชวังหน้าทรงเป็นผู้คัดเลือกนักมวยฝีมือดีและแล้วก็ได้ หมื่นหาญ ซึ่งเป็นข้าราชบริพารในพระองค์เป็นคู่ชกด้วย หมื่นหาญนั้นมีรูปร่างล่ำสันมีฝีมือทางมวยดีกว่าเพื่อน จึงทรงคัดเลือกหมื่นหาญ การชกมวยครั้งนี้จัดขึ้น ณ บริเวณที่เรียกว่าโรงละครฝ่ายตะวันตกของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

การชกมวยคราวนั้นอาจจะใช้เวลาในการชกไม่นาน ด้วยเหตุที่ว่า “ฝรั่งจะจับหักกระดูกไหปลาร้าหมื่นหาญๆ ยกมือขึ้นกันและชกพรากถอยพลาง” เมื่อฝรั่งจะจับตัวหมื่นหาญก็ไม่สามารถจับได้ เพราะด้วยหมื่นหาญนั้นก่อนแข่งได้ชโลมน้ำมันทาทั่วตัวตามอย่างการชกมวยของไทย ที่ก่อนทำการชกจะทาน้ำมันทั่วตัว เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว ฝรั่งคนพี่ชายที่ดูการชกครั้งนี้อดรนทนไม่ไหว จึงเข้าไปในสังเวียนช่วยน้องชายจับหมื่นหาญ ซึ่งเป็นการทำผิดกติกา

วังหน้า ทอดพระเนตรเป็นเช่นนั้นก็ทรงพระพิโรธ เสด็จเข้าไปในสังเวียนยกพระบาทถีบฝรั่งพี่ชายล้ม เหล่าข้าราชบริพารจึงรุมเข้าไปชกต่อยฝรั่งพี่น้อง จนฟกช้ำดำเขียวทั้งคู่ เหตุการณ์เป็นไปอย่างอลหม่าน

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงให้ระงับการชก และพระราชทานแพทย์ไปรักษา นักมวยฝรั่ง สองคนพี่น้อง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางกลับออกไปจากแผ่นดินกรุงสยาม เรื่องราวคงเป็นที่รู้จักและพูดถึงกันเป็นอย่างดี จนเป็นที่เล่าขานต่อมามีปรากฎในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค)

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง : 

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1. (2526). กรุงเทพฯ : คุรุสภา.


แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาครั้งล่าสุดเมื่อ 21 เมษายน 2562