
ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
ตำนานที่ถูกเล่าคู่มากับเรื่องราวของแม่นากพระโขนง คือ “ปั้นเหน่งแม่นาก” จากชิ้นส่วนกระดูกหน้าผากของนางนาก ที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สะกดวิญญาณโดยเจาะกะโหลกแม่นากทำเป็นปั้นเหน่ง เก็บที่วัดระฆังโฆสิตาราม
ก่อนจะถูกเปลี่ยนมืออีกหลายทอด จนตามหา “ของจริง” ไม่เจอเสียแล้ว
“ปั้นเหน่ง” คือเครื่องรางที่ทำจากกระดูกหน้าผากมนุษย์ หรือส่วนกลางกะโหลกศีรษะ ความหมายทางความเชื่อคือการย่อหัวกะโหลกเป็นชิ้นเดียว เพื่อหวังผลทางไสยศาสตร์ สะดวกต่อการพกพา ที่สำคัญคือการสะกดวิญญาณเจ้าของชิ้นส่วนนั้น

ตำนานปั้นเหน่งแม่นากพระโขนง
เรื่องราวของปั้นเหน่งแม่นากยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า พระเถระชั้นผู้ใหญ่อย่างสมเด็จพระพุฒาจารย์จะเกี่ยวข้องกับเรื่องผีสางชาวบ้านจริงหรือ ทั้งนี้ หลักฐานที่เล่าถึงเรื่องนี้ตรง ๆ คือหนังสือชีวประวัติของท่าน เรียบเรียงโดย มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันทน์) ที่อ้างว่าอาศัยข้อมูลจากคนเก่า ๆ เจ้านายฝ่ายวังหลัง ได้บรรยายถึงความเฮี้ยนของผีแม่นากว่า
“ครั้นเมื่อนางนาคพระโขนงตายทั้งกลม ปีศาจของนางนาคกำเริบ เขาลือกันต่อมาว่าปีศาจนางนาคเป็นรูปคนช่วยวิดน้ำเข้านาได้ …”
พระยาทิพโกษาเล่าต่อว่า ผีแม่นากเที่ยวรังควานหลอกคนตามคลองพระโขนงจนคนไม่กล้าผ่านแถวนั้น ตกเย็นช่วงตะวันรอนต้องมีคนเห็นเธอโหนตัวบนต้นโพธิ์บ้าง ต้นไทรบ้าง พระในวัดละแวกนั้นยังโดนหลอก หมอผีมาตั้งพิธีปราบก็ถูกหลอกกลับมาหลายคน
เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ทราบเรื่อง ท่านก็ไปค้างที่วัดมหาบุศย์เพื่อจะกำราบผีร้ายตนนี้ พอตกค่ำ ท่านไปนั่งปากหลุมแล้วเรียกนางนากขึ้นมาสนทนากัน จากนั้น “เจาะเอากระดูกหน้าผากนางนาคที่เขาฝังไว้มาได้ แล้วท่านมานั่งขัดเกลาจนเป็นมัน ท่านนำขึ้นมาวัดระฆัง ท่านลงยันต์เป็นตัวอักษรไว้ตลอด เจาะเป็นปั้นเหน่งคาดเอว (หัวเข็มขัด – ผู้เขียน) ไปไหนท่านก็เอาติดเอวไปด้วย ปีศาจในพระโขนงก็หายกำเริบซาลง…”

เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ชราภาพ ท่านมอบปั้นเหน่งนั้นแก่ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ (ม.จ. ทัด เสนีวงศ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กับพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร) ต่อมาพระพุทธโฆษาจารย์มอบให้เจ้านายพระองค์หนึ่ง ไม่ระบุว่าเป็นใคร รู้ตัวอีกที ปั้นเหน่งก็อยู่ในครอบครองของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่วังนางเลิ้งแล้ว
เอนก นาวิกมูล นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2563 ได้แกะรอยเส้นทางของเครื่องรางนี้ต่อจนทราบว่า กรมหลวงชุมพรฯ ทรงได้รับปั้นเหน่งนางนากมาจาก พระอาจารย์พริ้ง แห่งวัดบางปะกอก ฝั่งธนบุรี พระอาจารย์ด้านไสยศาสตร์คนสำคัญของพระองค์ เรื่องราวต่อจากนั้น เอนกเล่าไว้ในหนังสือ เปิดตำนานแม่นากพระโขนง (มติชน, 2549) ความว่า
“ปั้นเหน่งแม่นากเคยตกอยู่กับกรมหลวงชุมพรฯ เคยสำแดงอิทธิฤทธิ์ให้หม่อมแจ่มได้กลิ่นเหม็นอบอวล สุดท้ายกรมหลวงชุมพรฯ บอกว่า ‘แม่นากลาไปเกิดแล้ว’ เหลือกระดูกตกอยู่กับนายเทียบ อุทัยเวช คนเก่าคนแก่ของวังนางเลิ้ง จากนั้นการสอบสวนก็ตีบตัน ไม่ทราบจะไปหาตัวนายเทียบได้อย่างไร”

ถึงอย่างนั้น เอนกก็ยังไม่ละความพยายาม ตามสืบจนพบข้อมูลจากหนังสืองานศพ “หม่อมเมี้ยน” หม่อมคนหนึ่งของกรมหลวงชุมพรฯ หม่อมเมี้ยนเป็นพี่สาวของหม่อมแจ่ม (ผู้สัมผัสฤทธิ์ปั้นเหน่งมาแล้ว) กับนายเทียบ ทำให้ได้เบอร์ติดต่อหลานชายนายเทียบมาคือ วินัย ถาวรประเสริฐ
“ก็โทรไปคุย คุณวินัยบอกว่าเคยได้จับต้องกระดูกนั้นเล่น ไม่รู้สึกลัวอันใดเพราะถือว่าแม่นากเขาลาไปเกิดนานแล้ว กระดูกดังกล่าวเคยอยู่ที่ศาลกรมหลวงชุมพรฯ แล้วย้ายไปอยู่วัดโพธิ์ แล้วสูญหายไปอย่างไม่มีร่องรอย…”
วินัยอ้างว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านเล่าต่อ ๆ กันมาว่า หลังจากกรมหลวงชุมพรฯ บอกว่า “แม่นากเขาไปเกิดแล้ว” พระองค์ก็เก็บปั้นเหน่งไว้โดยไม่ทรงนำมาคาดเอวอีก ก่อนวัตถุชิ้นนี้จะไปอยู่วัดโพธิ์หลังมีการขายวังนางเลิ้งให้กรมยุวชนทหารบกสร้างเป็นโรงเรียนพณิชยการพระนคร (ปัจจุบันคือคณะบริหารธุรกิจและคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร)
“นายเทียบ” นี่เองที่ขนของ (รวมถึงปั้นเหน่ง) จากศาลกรมหลวงชุมพรฯ ไปยังวัดโพธิ์ จากนั้นวินัยก็ไม่ทราบข้อมูลหัวเข็มขัดจากกระดูกหน้าผากแม่นากพระโขนงอีกเลย
ไม่ได้สาบสูญ เพียงถูกครอบครองเงียบ ๆ ?
เอนกยังเผยอีกข้อมูลน่าสนใจ เมื่อร่องรอยของปั้นเหน่งปรากฏอีกครั้งในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2548
สันติ เศวตวิมล ผู้เขียนบทความดังกล่าว เล่าว่าตนเคยมีโอกาสได้เห็น “หน้าผากแม่นาคพระโขนง” เมื่อ 30 ปีก่อน วัตถุนั้นอยู่ในครองครองของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพร หรือ “องค์ชายกลาง” ที่เล่าประทานว่าได้รับมาจาก “เสด็จเตี่ย” (กรมหลวงชุมพรฯ) พระประยูรญาติฝ่ายมารดา แปลว่าปั้นเหน่งนางนากที่เชื่อกันว่าอยู่วัดโพธิ์ก่อนอันตรธานไปนั้น ความจริงคือได้ตกทอดมาอยู่กับองค์ชายกลาง
คำถามคือ หลัง พ.ศ. 2534 ปีที่องค์ชายกลางสิ้นพระชนม์ วัตถุสำคัญข้างต้นไปอยู่กับใครต่อ?
การสืบหาปั้นเหน่งของเอนกคงเป็นที่โจษจันอยู่ไม่น้อย เพราะวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2549 เอนกได้รับการติดต่อและความอนุเคราะห์อย่างสูงจากบุคคลไม่ขอระบุนามท่านหนึ่ง พาไปหาผู้อาวุโสอีกท่านที่ขอสงวนตัวตนเช่นกัน ซึ่งผู้อาวุโสท่านนั้นเน้นย้ำกับเอนกว่า สิ่งที่จะให้ชมนี้ ตัวท่านเองก็ไม่ขอยืนยันว่าเป็นปั้นเหน่งแม่นากจริง ๆ เพราะพิสูจน์ได้ยาก
สิ่งที่เอนกได้ชมในวันนั้น เป็นวัตถุสีน้ำตาลอ่อนเจือเหลืองวางอยู่ในตู้ กว้างและยาวประมาณ 5 x 7 เซนติเมตร หนาประมาณกะลามะพร้าว ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านนูนขัดเรียบเป็นมัน มีอักขระขอมจารึกอย่างสวยงาม 5-6 แถว ผู้อาวุโสบอกว่าเป็นเรื่อง “บารมีสิบทัศ” หรือทศบารมี ส่วนด้านในไม่มีรอยจารึก ถูกเจาะ 3 รู สำหรับร้อยเชือก เจ้าของท่านถือวัตถุนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์
เอนกเล่าว่า “เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าครั้งหนึ่งเจ้าของสสารนี้เคยเดินเหินได้ในอดีต ก็ทำให้รู้สึกกริ่งเกรง ไม่บังอาจไปจับเล่นหรือจนแม้ถ่ายรูป อัดเสียง อาศัยแต่การจดจำ”
สรุปว่าหากปั้นเหน่งแม่นากมีจริง วัตถุในตำนานนี้ตกทอดมายังหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ กับพระพุทธโฆษาจารย์ ก่อนมาถึงหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ครอบครองท้ายสุดที่มีหลักฐานยืนยัน
ส่วนชิ้นที่เอนกได้ชม จะเป็นปั้นเหน่งของแม่นากพระโขนงจริงหรือไม่นั้น แม้แต่เจ้าตัวและเจ้าของคนปัจจุบันยังไม่ขอยืนยัน และไม่น่าจะเกิดการพิสูจน์ความจริงให้เราทั้งหลายได้คลายสงสัยด้วย
คงต้องตามแต่วิจารณญาณของผู้อ่านแล้ว…

อ่านเพิ่มเติม :
- นางนากพระโขนง : ตายเพราะอะไร?
- “ผีแม่นากพระโขนง” ฤๅจะเป็นอุบายของบุตรที่มิอยากให้บิดามีเมียใหม่ ?
- “แม่นาก” ผีชาวบ้านเริ่มเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พระผู้ใหญ่ได้อย่างไร
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
เอนก นาวิกมูล. (2549). เปิดตำนาน แม่นากพระโขนง. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : มติชน.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2567