“พระแสงราวเทียน” ของ “วังหน้าพระยาเสือ” สมบัติชาติที่สูญหาย คืนสู่วัดมหาธาตุฯ

พระแสงราวเทียน ของ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หรือ วังหน้าพระยาเสือ
(ภาพจาก มติชนออนไลน์, 27 ธันวาคม 2566)

“พระแสงราวเทียน” ถูกพูดถึงในวงกว้างอีกครั้ง เพราะสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับ “วังหน้าพระยาเสือ” โดยมีอายุสืบย้อนไปถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และเคยเชื่อกันว่าหายสาบสูญไปหลายสิบปีแล้ว แต่เพิ่งถูกนำออกมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ในพิธีสมโภช 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึง 2 มกราคม 2567

พระแสงราวเทียนคืออะไร สำคัญอย่างไร?

อันดับแรก ราวเทียน คือเครื่องประกอบการบูชาเนื่องในพุทธศาสนา ปกติจะเป็นคานโลหะแบนทอดขวาง มีเสาคู่หนึ่งตั้งขึ้นรับหัวและท้ายคาน บนหลังคานติดบัวจงกลหรือลูกถ้วยสำหรับปักเทียน แต่ความโดดเด่นของพระแสงราวเทียนคือ เป็นราวเทียนที่ทำจาก “พระแสงดาบ”

พระแสงราวเทียนนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยคือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (บุญมา) กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือพระมหาอุปราชพระองค์แรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์เป็นที่รู้จักกันในอีกพระนามหนึ่งคือ “วังหน้าพระยาเสือ” ทรงเป็นพระอนุชาธิราชใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1

สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ทรงร่วมกับรัชกาลที่ 1 กอบกู้ชาติบ้านเมืองจนเป็นปึกแผ่นมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยิ่งไปกว่านั้น ทรงศรัทธาต่อวัดมหาธาตุฯ เป็นอย่างยิ่ง เพราะเคยเป็นที่หลบภัยและเคยบรรพชาที่วัดแห่งนี้ จึงทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ และให้การอุปถัมภ์ดูแลวัดตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์

เมื่อคราวทรงอาพาธหนักก่อนเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ถวาย “พระแสงดาบ” ศาสตราวุธคู่พระทัยในการออกรบทุกครั้งตลอดพระชนม์ชีพ รวมถึงในคราวสงครามเก้าทัพ ถวายประจำไว้เพื่อเป็น “ราวเทียน” จุดบูชาพระศรีสรรเพ็ชร พระพุทธรูปองค์ประธานในอุโบสถวัดมหาธาตุฯ 

เป็นที่มาของ “พระแสงราวเทียน” หรือราวเทียนที่ทำจากพระแสงดาบคู่พระทัยในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าพระยาเสือนั่นเอง

หลังจากกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ได้เสด็จพระราชดำเนินจากวังหน้ามากราบลาสักการะพระประธานในพระอุโบสถใหญ่ และน้อมถวายพระแสงดาบให้ทำเป็นราวเทียนเพื่อเป็นพุทธบูชาแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น พระองค์ก็เสด็จสวรรคต…

พระแสงราวเทียนอยู่คู่วัดมหาธาตุฯ มาอย่างยาวนานนับแต่นั้น กระทั่งสูญหายไปช่วงการบูรณะหลังคาพระอุโบสถ เมื่อราว พ.ศ. 2500

แต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 พระราชวชิราธิบดี รองเจ้าอาวาส วัดมหาธาตุฯ ได้รับมอบพระแสงราวเทียนจาก อ. ปริญญา สัญญะเดช ศิษย์วัดมหาธาตุฯ และเตรียมถวายคืนต่อพระพักตร์พระบวรราชานุสาวรีย์ ให้ทันการสมโภชพระอาราม ในโอกาสสมโภชพระอาราม 338 ปี ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 – 2 มกราคม 2567

ในโอกาสมหามงคลนี้ คณะกรรมการจัดงานจึงตกลงร่วมกันที่จะเชิญ “พระแสงราวเทียน” ออกจัดแสดงในนิทรรศการ ณ พระอุโบสถ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ให้ประชาชนได้ร่วมชมและร่วมรับรู้ถึงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจต่อชาติบ้านเมืองของ “วังหน้าพระยาเสือ”

พระแสงราวเทียน ของ วังหน้าพระยาเสือ
(ภาพจาก มติชนออนไลน์, 27 ธันวาคม 2566)
พระแสงราวเทียน ของ วังหน้าพระยาเสือ
(ภาพจาก มติชนออนไลน์, 27 ธันวาคม 2566)

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : เนื้อหานี้เก็บความจาก “สมโภช 338 ปีวัดมหาธาตุ จัดแสดง ‘พระแสงราวเทียน’ ครั้งแรก” ใน มติชนออนไลน์, วันที่ 27 ธันวาคม 2566.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 ธันวาคม 2566