พระเจ้าท้ายสระ ทรงพิโรธ! เหตุ “พระยาโกษาธิบดีจีน” ทิ้งกองทัพ หนีเอาตัวรอด คราวตีเมืองกัมพูชา

พระยาโกษาธิบดีจีน โกษาธิบดีจีน ขุนนาง สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ละครพรหมลิขิต
โกษาธิบดีจีน ในละครพรหมลิขิต (ภาพจากละครพรหมลิขิต)

พระยาโกษาธิบดีจีน หรือ โกษาธิบดีจีน เป็นขุนนางในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ มีบทบาทด้านการดูแลพระคลัง เมื่อถึงคราวต้องรบทัพจับศึก ก็ต้องเป็นทัพหน้าด้วยเช่นกัน แต่ในคราวตีเมืองกัมพูชา พระยาโกษาธิบดีจีนกลับ “ถอยเรือหนี” ทิ้งกองทัพเอาตัวรอด จนฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเสียอาวุธและชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ทรงส่งกองทัพออกไปทำสงคราม หนุน “พระธรรมราชา” เจ้ากัมพูชา ให้ “ตีเมืองคืน” จากเจ้ากัมพูชาอีกองค์หนึ่ง ที่มีพวกญวนหนุนหลัง ซึ่งการที่ทรงสนับสนุนพระธรรมราชา อาจเป็นไปได้ว่า ทรงมีพระราชประสงค์จะแผ่ขยายอำนาจของกรุงศรีอยุธยาเข้าไปในเมืองกัมพูชาให้มั่นคงอีกครั้ง เพราะช่วงนั้น “ญวน” สั่งสมอำนาจในกัมพูชาอยู่ไม่น้อย

พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เล่าถึงเหตุการณ์คราวกรุงศรีอยุธยายกทัพไปช่วยพระธรรมราชาไว้ว่า

“เมื่อปีขาล โทศกก่อนปีเถาะ ตรีศก นักเสด็จเจ้ากัมพูชาธิบดีชื่อพระธรรมราชาวังกะดาน วิวาทกันกับนักแก้วฟ้าจอก จักทำสงครามแก่กัน นักแก้วฟ้าจอกไปเมืองญวน ลอบขอพลญวนได้มากแล้วกลับมาตีเอาเมืองกัมพูชาได้

“นักเสด็จกับพระองค์ทองพาบุตรภรรยา ข้าคนเป็นอันมาก หนีมายังกรุงเทพมหานคร ขอให้ท่านเสนาบดีกราบทูลพระกรุณาให้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกประการ ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง จึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทราบความแล้วให้นักเสด็จนั้นเข้ามาเฝ้า จึงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคและบ้านเรือน ให้อยู่ ณ ตำบลใกล้วัดค้างคาว

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงเทพมหานครทรงพระราชดำริ โปรดให้นักเสด็จไปตีเอาเมืองกัมพูชาคืน จึงมีพระราชโองการดำรัสสั่งให้มหาดไทยกลาโหมเกณฑ์ทัพสองหมื่นเศษ พร้อมด้วยช้าง ๓๐๐ ม้า ๔๐๐ เศษ พร้อมทั้งเครื่องศัตราวุธต่างๆ

“ให้พระพิชัยรณฤทธิ์เป็นนายพลทหารทัพหน้า ให้พระวิชิตณรงค์เป็นยกกระบัตรทัพ ให้พระพิชัยสงครามเป็นนายกองเกียกกาย ให้พระรามกำแหงเป็นนายกองทัพหลัง แล้วจึงให้พระยาโกษาธิบดีจีนเป็นแม่ทัพเรือ ถือพลทหารหมื่นหนึ่งเรือรบ ๑๐๐ เศษ พร้อมด้วยพลแจว และเครื่องสรรพาวุธต่างๆ

พระราชพงศาวดารระบุต่อว่า เมื่อจัดแจงทัพบกและทัพเรือเสร็จแล้ว พระเจ้าท้ายสระทรงย้ำว่า “ให้ไปตีเมืองกัมพูชาคืนให้จงได้” จากนั้นแม่ทัพนายกองทั้งหลายก็ยกทัพออกไปพร้อมรบ ทัพบกไปทางเสียมราบ ส่วนทัพเรือไปทางพุทไธมาศ

“ฝ่ายพลทหารญวนยกกองทัพเรือมา พบกองทหารไทยที่ปากน้ำพุทไธมาศตีฆ้องกลองยิงปืนใหญ่ยกเข้าตีกองทัพเรือพระยาโกษาธิบดีจีน ฝ่ายกองทัพเรือทหารไทยจัดแจงแต่งตัวพร้อมแล้ว ทัพหน้าก็แยกเรือรบออกเป็นสามแห่ง ให้ยิงปืนใหญ่สามนัดโห่สามลาเอาชัยแล้ว ให้พลทหารแจวเรือรบเข้าไป ต่อต้านทานกำลังกับพลทหารญวน เข้าปะทะถึงเรือกัน ยิงแทงฟันกันเป็นสามารถฆ่าญวนตายเป็นอันมาก เรือรบทหารญวนเข้าช่วยอุดหนุนกันมาก

พระยาโกษาธิบดีจีนแม่ทัพไม่ชำนาญในการพิชัยสงคราม ขลาดไม่กล้าแข็งย่อท้อแก่สงคราม ไม่ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติมแก้ไข ถอยเรือหนีไปทิ้งทหารเสีย ฝ่ายทหารญวนได้ทีก็หักเอาทหารไทย ฆ่าฟันกันเป็นสามารถ ฝ่ายทหารไทยเห็นศึกนั้นหนักเหลือมือเหลือกำลัง แม่ทัพก็หนีไปแล้ว และเห็นคนทหารก็เสียมากก็ถอยเรือล่าแตกหนีมา เสียเรือรบและผู้คนปืนใหญ่น้อยเป็นอันมากแก่กองทัพญวน

“ฝ่ายพระยาจักรีโรงฆ้อง ยกกองทัพบกไปถึงเมืองกัมพูชา ให้ตั้งค่ายหลวงลงใกล้เมืองประมาณ ๘๐ เส้น ๙๐ เส้น รักษาอยู่ในที่นั้น พระพิชัยรณฤทธิ์เป็นแม่กองทัพหน้า ถือพลทหาร ๓๐๐ เศษไปก่อน ได้รบกันกับเขมรญวน ฆ่าเขมรญวนตายเป็นอันมาก มีชัยได้ทีตีทัพเขมรญวนแตกพ่ายเป็นหลายแห่ง ให้ทหารเร่งรีบไล่ติดตามเข้าไป ได้หัวเมืองน้อยใหญ่เป็นอันมาก

“ทัพหลวงก็ให้เร่งรีบยกพลทหารทุกทัพทุกกองไปช่วยอุดหนุนเพิ่มเติมตีตัดลัดทาง ให้ข้าศึกอัตคัดขัดขวางคับแคบสะดุ้งตกใจกลัว มิได้สู้รบต้านทานได้ รบครั้งใดก็มีชัยชนะทุกครั้งทุกแห่ง ได้ผู้คนช้างม้าเครื่องศัตราวุธต่างๆ เป็นอันมาก เขมรและญวนจะต้านทานมิได้ ก็แตกพ่ายพังหนีไป กองทัพทั้งปวงไล่ติดตามเข้าไป ตั้งค่ายล้อมเมืองกัมพูชาไว้มั่นคง แต่ฝ่ายเขมรถือว่าญวนจะให้กำลังก็ยังตึงแข็งอยู่

“เจ้าพระยาจักรีจึงคิดอุบายจะให้ได้ราชการเป็นพระเกียรติยศโดยสะดวก จึงให้แต่งศุภอักษรฉบับหนึ่ง แล้วส่งให้ทูตถือศุภอักษรนั้นไปบอกความเมืองแก่นักแก้วฟ้า โดยทางชวนให้อ่อนน้อมด้วยดี

“นักแก้วฟ้าครั้นได้แจ้งในศุภอักษรจึงเห็นเป็นดีด้วย จะได้พ้นภัยอันตรายเป็นความสบายในอนาคต จึงรับว่าจะถวายดอกไม้ทองเงินเป็นเมืองขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เจ้าพระยาจักรีได้ความดังนั้นมั่นคงแล้ว จึงสั่งให้นักแก้วฟ้าจัดดอกไม้ทองเงินส่งเข้ามาทูลเกล้าถวายตามคำปฏิญาณนั้นแล้ว จึงเลิกทัพกลับมายังกรุงเทพมหานคร

“สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินได้ทราบความดังนั้นทรงพระโสมนัส จึงพระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่เจ้าพระยาจักรีและนายทัพนายกองเป็นอันมากตามสมควร และทรงพระพิโรธพระยาโกษาธิบดีจีน ให้ใช้ปืนน้อยใหญ่และดินประสิวลูกกระสุนเรือรบ ซึ่งเสียไปแก่ญวนนั้นให้สิ้นเชิง”

การศึกสงครามครั้งนี้ จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายกรุงศรีอยุธยา เจ้าพระยาจักรีและแม่ทัพนายกองที่ยืนหยัดสู้รบได้รับพระราชทานรางวัลเป็นอันมาก ส่วน พระยาโกษาธิบดีจีน นั้น สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ทรงพิโรธ และทรงให้พระยาโกษาธิบดีจีนชดใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่สูญเสียไปในการรบกับฝ่ายญวน

หมายเหตุ : จัดย่อหน้าใหม่และเน้นคำโดย กอง บก. เพื่อความสะดวกในการอ่าน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา. พระนคร: ศิวพร. พ.ศ. 2511.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 ธันวาคม 2566