ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
ในประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา หากมีการผลัดแผ่นดิน ก็มักประหารเชื้อพระวงศ์สำคัญของกษัตริย์พระองค์ก่อนให้สิ้นไป เพื่อป้องกันการชิงราชสมบัติ แต่ในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงไว้ชีวิต “พระราชนัดดา” เพียงพระองค์เดียว คือ เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสพระองค์โตในสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนหน้า แต่กลับสั่งประหารชีวิตพระราชนัดดาอีก 2 พระองค์ ซึ่งเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของเจ้าฟ้านเรนทร เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
เรื่อนี้ต้องย้อนไปถึง พระเจ้าเสือ ที่ทรงมีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ เจ้าฟ้าเพชร และ เจ้าฟ้าพร พระเจ้าเสือทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าเพชรให้ดำรงพระอิสริยยศ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ “วังหน้า” ซึ่งเป็นตำแหน่งพระมหาอุปราช ว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไป
ต่อมาพระเจ้าเสือทรงขัดแย้งกับเจ้าฟ้าเพชร จึงเปลี่ยนพระทัยมอบราชสมบัติแก่เจ้าฟ้าพร แต่เมื่อพระเจ้าเสือสวรรคต เจ้าฟ้าพรก็ถวายราชสมบัติคืนแก่พระเชษฐาตามเดิม
เมื่อเจ้าฟ้าเพชรขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ก็ทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าพรขึ้นเป็น “วังหน้า”
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ มีพระราชโอรสรวม 3 พระองค์ คือ เจ้าฟ้านเรนทร (บ้างสะกด เจ้าฟ้านเรนทร์) เจ้าฟ้าอภัย และ เจ้าฟ้าปรเมศร เมื่อเจ้าฟ้าทั้งสามเจริญพระชันษา สมเด็จพระเจ้าท้ายสระก็ทรงตัดสินพระทัยมอบราชสมบัติแก่เจ้าฟ้าอภัย ทำให้เจ้าฟ้าพรซี่งเป็นวังหน้าไม่พอพระทัย จะทรงยอมก็ต่อเมื่อมอบราชสมบัติแก่เจ้าฟ้านเรนทร (ซึ่งขณะนั้นทรงผนวชอยู่) เท่านั้น
พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ระบุเหตุการณ์ช่วงนี้ไว้ว่า
“ทรงพระประชวนหนักลง จึ่งพระราชทานราชสมบัติ์นั้นให้แก่จ้าวฟ้าอะไภย พระมหาอุประราชไม่เตมพระไทย ไม่ยอมอนุยาตให้ราชสมบัติแก่จ้าวฟ้าอไภย ถ้าให้ราชสมบัติแก่จ้าวฟ้าณเรนทร์จึ่งจะยอมให้จ้าวฟ้าณเรนทร์นั้น เปนกรมขุนสุเรนทรพิทัก เปนภิกษุภาวะ เมื่อหมีได้รับซึ่งราชสมบัติ จึ่งหมีได้ลาผนวดออก
“ฝ่ายจ้าวฟ้าอไภยพระบิดาให้อนุยาตแล้ว จึ่งรับราชสมบัติ ปราถนาจะทำสงครามกันกับด้วยพระมหาอุปราช จึ่งสั่งข้าราชการวังหลวงจัดแจงผู้คนกะเกนกะทำการ ตั้งค่ายคูดูตรวจตราค่ายรายเรียงลงไปตามคลอง แต่ประตูเข้าเปลือกจนถึงประตูจีน จึ่งให้ศรีคงยศไปตั้งค่ายริมตะภานช้าง คลองปรตูเข้าเปลือกฟากข้างตวันตกให้รักษาค่ายอยู่ที่นั้น”
สันนิษฐานได้ว่า เจ้าฟ้านเรนทรทรงผนวชหนีภัยการเมืองก็คงไม่ผิดนัก แม้ว่าเจ้าฟ้าพรผู้เป็นพระปิตุลาจะทรงยอม หากสมเด็จพระเจ้าท้ายสระมอบราชบัลลังก์ให้พระราชโอรสพระองค์นี้ แต่เพราะเจ้าฟ้าพรมีพระราชอำนาจมาก มีความเหมาะสม และมีสิทธิครองราชสมบัติ เจ้าฟ้านเรนทรจึงครองสมณเพศต่อไป
ส่วนเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์ ที่เปิดศึกกับ “วังหน้า” ชิงราชบัลลังก์ ท้ายสุดก็พ่ายแพ้ และถูกวังหน้า ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็น “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ” สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์
อ่านเพิ่มเติม:
- รู้จัก “พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์” สุดอลังการ ที่มาพระนาม “สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ”
- รู้จักพระอิสริยยศ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล “วังหน้า” ว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไป
- พระราชโอรส “พระเจ้าท้ายสระ” ชวดบัลลังก์ เหตุ “พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ” มีกุนซือดี
อ้างอิง :
พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ตรวจสอบชำระจากเอกสารตัวเขียน. มูลนิธิ “ทุนพระพุทธยอดฟ้า” ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมปัญญาบดี (ถาวร ติสฺสานุกโร ป.ธ.๔.) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อดีตประธานกรรมการมูลนิธิ “ทุนพระพุทธยอดฟ้า” ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2566