“พญางำเมือง” สถาปนารัฐพะเยา กับตำนาน “แกงหวานบ้านแตก”

พระบรมราชานุสาวรีย์ พญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา จังหวัด พะเยา
พระบรมราชานุสาวรีย์พญางำเมือง จังหวัดพะเยา (ภาพจาก Wikimedia Commons)

พญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา เชื้อวงศ์ขุนจอมธรรมกับขุนเจือง ผู้นำกลุ่มโยนก เมื่อครองเมืองพะเยาแล้ว ได้ขยายเครือข่ายกับเครือญาติ เช่น รัฐเชียงราย, รัฐสุโขทัย, รัฐละโว้ (ลพบุรี) ฯลฯ ทำให้สามารถพัฒนาเมืองพะเยาให้กลายเป็นรัฐขนาดย่อม เรียกว่า “รัฐพะเยา”

พญางำเมืองยังสร้างเครือข่ายเข้าคุมเส้นทางการค้าข้ามภูมิภาคร่วมกับเครือญาติรัฐอื่น ๆ ที่กำลังเรืองอำนาจอยู่ในขณะนั้น

พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ หรืออนุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ พญามังราย (องค์กลาง) พญางำเมือง (องค์ซ้าย) และพญาร่วง (องค์ขวา) ตั้งอยู่กลางเวียงเชียงใหม่ บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่

เมืองพะเยามีรากฐานมาจากบ้านเมืองที่ “ขุนจอมธรรม” ต้นวงศ์พญางำเมือง เป็นผู้สถาปนาไว้บนที่ราบในหุบเขา บริเวณลุ่มแม่น้ำอิง เรียก “หนองเอี้ยงเชิงภูยาว” บริเวณต่อไปข้างหน้าได้กลายเป็นเมืองพะเยา โดยขุนจอมธรรมมีทายาทนามว่า “เจือง” หรือขุนเจือง

สมัยของขุนเจืองมีบ้านเมืองอุบัติขึ้นไล่เลี่ยกันคือ เมืองล้านช้าง (หลวงพระบาง) ริมแม่น้ำโขง และเมืองสุโขทัย ริมแม่น้ำยม (ต้นน้ำอยู่ในเขตพะเยา) โดยขุนเจืองมีอำนาจเหนือเมืองเชียงแสน ลุ่มแม่น้ำกก ดินแดนสิบสองปันนา และข้ามแม่น้ำโขงไปถึงล้านช้าง ไกลถึงทุ่งไหหิน ประชิดดินแดนเวียดนาม จะเห็นว่าขุนเจืองแผ่อำนาจไปทั่วสองฝั่งโขง ก่อนเสียชีวิตในสนามรบ

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของขุนเจืองมีลักษณะของนิทานปรัมปราเสียเป็นหลัก ไม่มีหลักฐานว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับเรื่อง “พระเจ้าพรหม” ของตระกูลไทย-ลาว ทราบเพียงในยุคต้นวงศ์ของพญางำเมือง หรือสมัยขุนเจืองนี้ ผู้คนยังนับถือศาสนาผี ไม่รู้จักพุทธ-พราหมณ์แต่อย่างใด

สำหรับ พญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา ท่านถูกนับว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของเมืองพะเยา เพราะมีหลักฐานยืนยันว่ามีตัวตนอยู่จริงอยู่ในประวัติศาสตร์ ทั้งตำนาน พงศาวดาร ระบุชัดว่า “พญางำเมือง” คือวงศ์วานของขุนจอมธรรมและขุนเจือง โดยเป็นบุตรของพญามิ่งเมือง เกิดที่เมืองพะเยา เมื่อ พ.ศ. 1781

“งำเมือง” หมายถึงอะไร? ที่มาของนามนี้มีตำนานเล่าว่า “ท่านไป ณ ที่ใด ที่นั้นแดดก็บ่ร้อน ฝนก็บ่ร่ำ ท่านจักใคร่ให้บดก็บด จักใคร่ให้แดดก็แดด เหตุดังนั้นจึงชื่อว่า ‘งำเมือง’ ” คือมีอำนาจบารมีเหนือ-นำ หรือครอบงำ (บ้านเมือง) ได้นั่นเอง

เมื่ออายุ 16 ปี (พ.ศ. 1797) พญางำเมืองได้ไปเรียนศิลปวิทยาที่เมืองละโว้ (ลพบุรี) ดังปรากฏใน พงศาวดารโยนก เล่าว่า “ไปเรียนศิลปะในสำนักพระสุกทันตฤๅษี ณ กรุงละโว้ อาจารย์เดียวกับสมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย” เหตุดังนั้น พญางำเมืองกับสมเด็จพระร่วงฯ หรือพ่อขุนรามคำแหง จึงเป็นสหายกัน

กระทั่งอายุ 20 ปี (พ.ศ. 1801) พญางำเมืองได้เป็นเจ้าเมืองพะเยา และรับเอาคติพุทธศาสนาจากเมืองหริภัญชัยไปประดิษฐานที่เมืองพะเยาด้วย ก่อนจะขยายอำนาจไปพยายามยึดครองเมืองน่าน

รุกรานเมืองน่าน ตำนาน “แกงหวานบ้านแตก”

พระอุโบสถวัดศรีโคมคำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา (ภาพจากหนังสือ ประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม เมืองพะเยา)

อาจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล อ้างตำนานเมืองน่านที่กล่าวว่า พญางำเมืองส่งกองทัพไปยึดเมืองปัว (น่าน) แล้วส่งชายาองค์หนึ่งชื่อ “นางอั้วสิม” และราชบุตรอามป้อมไปครองเมืองปัว เหตุการณ์ก่อนที่พญางำเมืองยึดเอาเมืองปัวนั้น พญาเก้าเกลื่อนเจ้าเมืองปัว ได้ทิ้งเมืองไว้ให้ชายาคือ แม่ท้าวคำพินดูแล พญางำเมืองจึงอาศัยจังหวะนี้เข้ายึดครองเมืองปัว

แม่ท้าวคำพินหนีออกจากเมือง ระหว่างทางได้ให้กำเนิดราชบุตรนาม “ท้าวผานอง” เมื่อเติบใหญ่ก็ได้ครองเมืองปลาดซึ่งอยู่ในอำนาจของพะเยา

ต่อมา นางอั้วสิมและราชบุตรอามป้อมเดินทางจากเมืองปัวมาเยี่ยมพญางำเมืองที่เมืองพะเยา ก่อนจะลากลับ นางอั้วสิมทำแกงควายถวายสวามี ปรากฏว่ารสแกงไม่ถูกปากพญางำเมือง เป็นเหตุให้วิจารณ์แกงของชายาตนเองว่า “แกงควายก็ยังหวานแก่ เท่าว่าน้ำนักหั้นนาว่าอั้น” (แกงหวานและน้ำเยอะเกินไป) นางอั้วสิมได้ยินดังนั้นจึงกลับเมืองปัวพร้อมความโกรธเคืองสวามี ทิ้งพญางำเมืองไปสมรสกับท้าวผานอง…

พญางำเมืองจึงยกทัพไปรบเมืองปัวอีกหน แต่พ่ายแพ้กลับมา ฝ่ายนางอั้วสิมมีราชบุตรกับท้าวผานองชื่อ “พญาครานเมือง” ผู้สร้างเวียงแช่แห้งและพระธาตุแช่แห้ง สรุปว่าที่พญางำเมืองพยายามควบรวมเมืองน่าน (เมืองปัว) ไว้ในอำนาจ ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่นานน่านก็แข็งเมืองประกาศแยกตนเป็นอิสระดังเดิม

ช่วยพญามังรายสถาปนาอำนาจ

พญางำเมืองและรัฐพะเยามีบทบาทในการช่วย “พญามังราย” แห่งเชียงแสน สถาปนาอำนาจในดินแดนล้านนา พ.ศ. 1824 พญางำเมืองยกไพร่พลเมืองพะเยาร่วมกับพญามังรายไปยึดเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) แล้วร่วมกับพญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) แห่งกรุงสุโขทัย สร้างเมืองเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม การศึกษาสมัยหลังบ่งชี้ว่าพญาทั้งสามเป็นพันธมิตรกัน แต่อาจไม่ได้ร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่แต่อย่างใด

พงศาวดารโยนกระบุว่า พญางำเมืองอ่อนน้อมต่อพญามังรายตั้งแต่ พ.ศ. 1819 แล้ว ก่อนจะผูกสัมพันธ์กับวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัยแล้วไปยึดหริภุญชัยในภายหลัง เป็นส่วนหนึ่งของการขยายอำนาจและสร้างเครือข่ายรวบรวมชนเผ่าทั่วบริเวณที่ราบลุ่มน้ำแม่กก-แม่อิง รวมถึง 2 ฝั่งโขง เชื่อมโยงถึงลุ่มน้ำสาละวินของพญามังราย

ความเป็นเครือญาติมีส่วนสำคัญทำให้พญางำเมืองสนับสนุนพญามังราย ดังปรากฏในพงศาวดารโยนกว่า “มังรายคือลูกลาวเมง หลานท้าวฮุ่ง เกิดแต่นางเทพคำข่าย” ซึ่ง “ท้าวฮุ่ง” คือขุนเจืองแห่งเมืองพะเยานั่นเอง

พญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา สิ้นชีพ พ.ศ. 1861 สิริอายุ 80 ปี อยู่ในราชสมบัติเมืองพะเยานานถึง 60 ปี หลังสิ้นพญางำเมือง พญามังรายได้ผนวกพะเยาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐล้านนา…

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2552). จังหวัดพะเยา มาจากไหน?. กรุงเทพฯ : มติชน.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 กันยายน 2566