“ดาวหางฮัลเลย์” ดาวหางที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือฝ่ายปฏิวัติ เพื่อโค่นล้ม “ราชวงศ์ชิง”

ราชวงศ์ชิง ดาวหางฮัลเลย์

“ดาวหางฮัลเลย์” ดาวหางที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือฝ่ายปฏิวัติ เพื่อโค่นล้ม “ราชวงศ์ชิง”

“ดาวหางฮัลเลย์” เป็นดาวหางดวงเดียวที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และคาดว่าจะได้เห็นดาวหางฮัลเลย์ทุก ๆ 75-76 ปี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้คนแทบทุกยุคสมัยรู้จักดาวหางฮัลเลย์ และมักตีความมันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือร้าย บ้างก็ว่าเป็นดาวแห่งความโรแมนติก เพราะกว่าดาวหางดวงนี้จะปรากฏกายให้เห็นแต่ละหนใช้เวลาค่อนข้างนาน เมื่อมีคนบอกว่าอยากจะดูดาวหางนี้กับเรา แปลว่าจะต้องรอและอยู่ด้วยกันไปจนถึงวันนั้น แต่อีกมุมหนึ่งก็มองว่าคือดาวหางแห่ง “หายนะ”

“จีน” ก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์เกี่ยวกับ “ดาวหาง” และมองว่าดาวหางจะนำมาซึ่งความวิปโยค จนฝ่ายปฏิวัติในจีนนำความเชื่อดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างความชอบธรรม เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชิง

หลังจากราชวงศ์ชิงปกครองโดยชาวแมนจูมาเป็นระยะเวลากว่า 200 ปี ในช่วงแรกผืนแผ่นดินจีนเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง มั่นคง ทว่าเมื่อเข้าสู่ปลายราชวงศ์กลับส่อแววมีปัญหา เกิดศึกทั้งในบ้านและนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็น “สงครามฝิ่น” ที่จีนต้องรบรากับชาวต่างชาติ “ขบวนการไท่ผิงเทียนกั๋ว” ที่ถือเป็นสงครามกลางเมืองใหญ่ครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ฯลฯ จนประเทศจีนต้องปรับการปกครองอยู่หลายหน คนหลายกลุ่มเริ่มเรียกร้องให้ประเทศจีนปฏิรูปบ้านเมือง บางคนถึงขั้นต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ 

ความคิดเรื่องเปลี่ยนระบอบการปกครองจาก “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” เป็น “ประชาธิปไตย” เป็นแนวคิดจากโลกตะวันตก เป็นเรื่องใหม่ ท้าทาย และเป็นความต้องการลึก ๆ ของประชาชนหลายกลุ่ม ความเชื่องช้า ตามไม่ทันโลกของเหล่าเจ้านาย และการเกิดขึ้นของชนชั้นกลาง ทำให้เกิดกลุ่มปฏิวัติขึ้น เป็นเสมือน “ภัยร้าย” เงียบ ๆ ของราชวงศ์ชิง ซ่อนตัวรอวันปะทุในไม่ช้า นำโดย “ซุนยัดเซ็น” ผู้มีบทบาทสำคัญในช่วงการปฏิวัติประชาธิปไตย

กลุ่มปฏิวัติต่างซ่องสุมและคิดหาวิธีทางต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้เป้าหมายของตนเองลุล่วง ทั้งซุนยัดเซ็นที่เดินทางไปยังจีนโพ้นทะเล เพื่อโฆษณาการปฏิวัติ จัดตั้งองค์กรการปฏิวัติในหลายพื้นที่ รวมถึงสร้างโรงเรียนจีนขึ้นนอกแผ่นดิน เพื่อเป็นฐานปฏิบัติการให้กลุ่มปฏิวัติต่อสู้กับกลุ่มนิยมกษัตริย์

ทว่าการต่อสู้ในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นยังไม่เพียงพอ เพราะแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยในตอนนั้นถือเป็นความคิดเฉพาะกลุ่ม ยังมีประชาชนอีกมากที่ไม่เข้าใจ ทำให้ฝ่ายต่อต้านอำนาจเก่าตัดสินใจนำ “ความเชื่อดั้งเดิม” อย่าง “โหราศาสตร์” เข้ามาสร้างความชอบธรรม และกอบโกยมวลชนมหาศาลให้ตนเอง 

ประจวบเหมาะกับขณะนั้นเป็นช่วงที่ “ดาวหางฮัลเลย์” กำลังโคจรเข้าใกล้โลกพอดี 

“ดาวหางฮัลเลย์” ในความคิดของชาวจีนและทวีปอื่น ๆ ถือเป็นลางบอกเหตุภัยพิบัติหรือการสูญเสียอะไรสักอย่างมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่พบในชีวิตประจำวัน อย่างในช่วงอยุธยา เมื่อกษัตริย์และชาวบ้านได้เห็นดวงดาวแปลกประหลาด ก็ตีความไปว่าบ้านเมืองจะต้องพบกับความวิบัติ 

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้กลุ่มปฏิวัติหยิบยกดาวหางฮัลเลย์ ที่คาดว่าจะปรากฏให้มนุษย์โลกเห็นอีกครั้งในปี 1910 มาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยสร้างฐานความนิยมให้กับตนเอง 

ก่อนเกิดดาวหาง สื่อหลายสำนัก ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือ ฯลฯ ต่างรายงานและประโคมข่าวเกี่ยวกับดาวหางที่ 75-76 ปีจะปรากฏตัวให้เห็นสักครั้งหนึ่งกันมากมาย ผ่านบทกวี ภาพวาด รวมไปถึงข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับดาวหาง อย่าง Chinese Weekly หนังสือพิมพ์ชื่อดังแดนมังกรก็ออกบทความกว่า 18 หัวข้อ รายงานข้อเท็จจริงและเกร็ดวิทยาศาสตร์ให้ทุกคนรับทราบ

ทว่ามีสื่อหลายรายที่นำเสนอเรื่องราวดาวหางฮัลเลย์ในเชิงเชื่อมโยงความเชื่อและเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น หนิ่วเป้า นิตยสารฉบับหนึ่งของจีน ที่คาดว่าสนับสนุนกลุ่มปฏิวัติ ได้ถ่ายทอดความคิดเห็นของตนเองและกลั่นออกมาเป็นบทความชื่อ “การปรากฏตัวของดาวหาง” 

เนื้อหากล่าวไว้ว่า ตามประวัติศาสตร์จีนแล้ว เมื่อดาวหางปรากฏตัวเมื่อไหร่ จะต้องมีปัญหาตามมาเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องสงคราม ตอนนี้ดาวหางได้ปรากฏตัวอีกครั้ง เนื่องจากการเมืองจีนสั่นคลอน การปรากฏตัวของดาวหางเป็นลางบอกเหตุของสงครามหรือสิ่งตรงกันข้าม? 

ในบทความบอกอีกว่า ดาวหางเป็นสัญลักษณ์ของการปรับปรุงให้เกิดสิ่งใหม่ ตอนนี้รัฐบาลของเรากำลังเริ่มต้นปฏิรูปขณะที่ดาวหางกำลังมา ไม่แน่ว่าดาวหางอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิรูป อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ใจว่าที่บอกว่าจะปฏิรูปจะเป็นการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง หรือแท้จริงแล้วจะกำจัดสิ่งใหม่ ๆ ออกไปกันแน่

กระทั่งถึงวันที่ดาวหางฮัลเลย์ปรากฏต่อสายตามนุษย์โลกในปี 1910 ผู้คนมากมายต่างพูดถึงดาวหางแสนประหลาดนี้ไปทั่ว ทั้งยังไม่ลืมเชื่อมโยงชะตากรรมของราชวงศ์ชิงกับการปรากฏตัวของวัตถุใหม่บนท้องฟ้า จนเกิดวลีที่ว่า “ดาวหางปรากฏทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ในช่วงสองปีครึ่งของยุคจักรพรรดิซวนถ่ง (ผู่อี๋-เพิ่มโดยผู้เขียน)

ข่าวลือที่ว่าไกลสะพัดไปทั่วแดน ถึงขั้นที่หนึ่งในสมาชิกกลุ่มปฏิวัติอย่าง “จิ่งเหมยจิ่ว” บันทึกไดอารี่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาประสบพบเจอจริง ๆ ขณะที่ชาวบ้านพูดถึงเรื่องนี้กันให้แซ่ด ว่า

“วันหนึ่ง ฉันกลับบ้านพร้อมกับจ้งลวี่ เราเดินผ่านประตูทิศใต้ พร้อมแวะซื้อน้ำเต้าหู้สองชาม ทันใดนั้นเอง จ้งลวี่ก็แสร้งพูดถึงข่าวที่คนลืออย่างหนาหูว่า ‘ดาวหางปรากฏทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ในช่วงสองปีครึ่งของยุคจักรพรรดิซวนถ่ง (ผู่อี๋)’ ฉันได้ยินสิ่งนี้มาเป็นระยะเวลานาน มันหมายความว่าอย่างไร ที่น่าสนใจคือคนขายน้ำเต้าหู้ตอบกลับมาว่า ‘มันจะหมายความว่าอะไรอีกล่ะ? ก็ราชวงศ์ชิงอันยิ่งใหญ่กำลังจะสูญสิ้น ราชวงศ์หมิงมีอายุเพียง 200 ปีเท่านั้น แล้วราชวงศ์ชิงจะไม่ถูกทำลายเพราะมันผ่านมาเกือบ 200 ปีหรือ?’”

นี่ยังไม่รวมข่าวลือที่ขีดเขียนไว้ในบทกวีชาวบ้าน อย่าง “ปีหน้าหมูจะกินแกะ และการเกษตรจะไม่ออกดอกออกผลในปีต่อ ๆ ไป”

ขณะเดียวกันก็มีสื่ออีกหลายหัวออกมาโต้ตอบปฏิกิริยาของประชาชน ทั้งยังเสนออีกแง่มุมให้หลายคนรับทราบ อย่าง กั๋วเฟิง หนังสือพิมพ์หนึ่งของจีน ได้พูดถึงเรื่องนี้ภายใต้บทความ “พูดคุยเกี่ยวกับดาวหางฮัลเลย์” ไว้ว่า เป็นเรื่องยากที่จะขจัดความเชื่อเรื่องโชคลาง และสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความปั่นป่วนที่กลุ่มต่อต้านสร้างขึ้นมา ในหนึ่งปีต้องมีภัยพิบัติ เป็นเรื่องปกติที่หลายคนทราบอยู่แล้ว แต่เมื่อมีดาวหางปรากฏขึ้น หลายคนก็ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต 

บทความบอกด้วยว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวหางปรากฏขึ้น สาเหตุของภัยจะถูกนำมาประกอบกันไปเสียหมด คนที่มีเจตนาแอบแฝงก็จะนำเรื่องโชคลางมาใช้ ดังนั้น ดาวหางอาจนำไปสู่ความวุ่นวาย การที่เขาออกมาเขียนบทความนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อแบ่งปันความรู้เท่านั้น แต่หวังว่าผู้มีอำนาจจะตักเตือนกับการกระทำเช่นนี้

นอกจากนี้ มิชชันนารีในจีนต่างช่วยกันออกประกาศข้อมูลเกี่ยวกับดางหางฮัลเลย์ในเรื่องที่ไม่ข้องเกี่ยวกับลางร้าย โดยขายแผ่นพับเล็ก ๆ ในฮั่นโข่ว เซี่ยงไฮ้ รวมถึงจีนฝั่งตะวันตก ส่งแผ่นพับเหล่านี้ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิ และติดไว้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ สำนักงานโทรเลข และโรงเรียน

ทว่าทุกอย่างก็สายเกินแก้ เพราะข่าวลือที่สะพัดไปไกล ทำให้ประชาชนเชื่ออย่างนั้นไปแล้วจริง ๆ ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองและปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อกันมาเป็นลูกโซ่ ทำให้ท้ายที่สุดราชวงศ์ชิงอันยิ่งใหญ่ก็สิ้นสุดลงในปี 1912

แม้ “ดาวหางฮัลเลย์” จะไม่ใช่ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ “ราชวงศ์ชิง” ล่มสลาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในเชิงขวัญและจิตใจ ส่งผลให้การเมืองแดนมังกรเปลี่ยนไปตลอดกาล

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

https://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/00218286211070275

www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_5221

www.silpa-mag.com/history/article_29025

https://www.narit.or.th/index.php/naru/exhibition/rawi-bhavila/halley

https://spaceth.co/halley-comet-return/


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 15 กันยายน 2566