เหตุใด “บัวโนสไอเรส” เมืองหลวงอาร์เจนตินา จึงได้สมญานามว่า “ปารีสแห่งอเมริกาใต้”

บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา
ถนนสู่จตุรัส July 9 Avenue กรุงบัวโนสไอเรส (ภาพโดย Stella Giordano จาก Pixabay)

รู้หรือไม่ ? บัวโนสไอเรส (Buenos Aires) เมืองหลวงของ อาร์เจนตินา หรือสาธารณรัฐอาร์เจนตินา (Argentine Republic) นอกจากเป็นเมืองใหญ่ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของประเทศแล้ว เมืองแห่งนี้ยังมีฉายา “The Paris of South America” หรือ ปารีสแห่งอเมริกาใต้ อีกด้วย

อย่างที่ทราบกันว่าประเทศต่าง ๆ ในทวีปอเมริกาใต้นั้น ส่วนใหญ่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนมาก่อน ประเทศเหล่านี้รับวัฒนธรรมละตินอันเข้มข้นจากเจ้าอาณานิคมยุโรป รวมถึงการผสมผสานวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองทวีปอเมริกากับยุโรป หลังการต่อสู้เพื่อเอกราช และสงครามกลางเมืองอันยาวนาน ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงทศวรรษ 1860 อาร์เจนตินาสามารถปฏิรูปประเทศ และจัดระเบียบการปกครองเป็นสมาพันธรัฐ ทำให้ประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้นตามลำดับ

พร้อมกันนั้นชาวยุโรปจำนวนมากโดยเฉพาะชาวอิตาลีที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ และเปลี่ยนรูปแบบทางวัฒนธรรมและประชากรศาสตร์ของอาร์เจนตินา โดยจะเห็นว่า ประชากรกว่า 60% ของประเทศมีเชื้อสายอิตาลี เป็นเหตุให้วัฒนธรรมของอาร์เจนตินามีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมอิตาลีอย่างเห็นได้ชัด โดยมีกรุงบัวโนสไอเรสเป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่องพร้อมกลิ่นอายของวัฒนธรรมยุโรปในแทบทุกระเบียดนิ้วของเมือง

บัวโนสไอเรส ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางใต้ของรีโอ เด ลาปลาตา (Río de la Plata) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ก่อตั้งช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยเจ้าอาณานิคมสเปน หลังเป็นเอกราชและปฏิรูปประเทศ บัวโนสไอเรสถูกเปลี่ยนสถานะให้เป็นเมืองหลวงที่มีรูปแบบการปกครองแบบพิเศษโดยแยกออกจากรัฐบัวโนสไอเรสตามรัฐธรรมนูญฉบับ ค.ศ. 1994 พื้นที่เมืองของกรุงบัวโนสไอเรสเป็นเขตปกครองตนเองตามชื่อทางการว่า “นครปกครองตนเองบัวโนสไอเรส” (Autonomous City of Buenos Aires)

กรุงปารีส (ภาพจาก Pixabay)

แล้วฉายา “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” ของกรุงบัวโนสไอเรสมาจากไหน ?

เพราะจากประวัติศาสตร์และข้อมูลทางประชากรศาสตร์ ฝรั่งเศสดูไม่น่าเกี่ยวข้องกับเมืองนี้ด้วยซ้ำ ปัจจัยหลักคือความเป็นเมืองของกรุงบัวโนสไอเรสทำให้เมืองแห่งนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงภูมิภาคลาตินอเมริกาและทวีปอเมริกาใต้ด้วย ทั้งสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่สวยงาม โอ่อ่า โดดเด่น ถนนกว้าง บ้านเมืองสะอาด

จากข้อมูลต่าง ๆ ของเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวและรายละเอียดทางวัฒนธรรมของตัวเมือง สามารถยกเหตุผลมาประกอบได้ 4 ข้อหลัก ๆ ดังนี้

ร้านอาหารและคาเฟ่

กรุงปารีสมีถนนที่เต็มไปผู้คนพลุกพล่านและร้านกาแฟสวนเด่นสะดุดตาเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ผู้มาเยือนจะพบบรรยากาศแบบเดียวกันนี้ที่กรุงบัวโนสไอเรส คนท้องถิ่นจะเรียกคาเฟ่ว่า Bodegones เป็นสถานที่ยอดนิยมของพวกเขาในการพบปะผู้คน คาเฟ่ในกรุงบัวโนสไอเรสคือสถานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากลิ้มลองอาหารอาร์เจนตินาแท้ ๆ ตั้งแต่ไอศกรีม, เอมปานาดา (Empanadas) และคุกกี้ที่เรียกว่า “เอนฟาจอร์” (Alfajores) ไปจนถึงสเต็ก, พิซซ่า และเนื้อชุบเกร็ดขนมปังที่เรียกว่า Milanesas

วัฒนธรรมร้านอาหารและคาเฟ่เป็นผลผลิตจากวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบของชาวบัวโนสไอเรส พวกเขาให้เวลาในการกินและดื่มแต่ละมื้อ การรวมกลุ่มดื่มกาแฟ สังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างผ่อนคลายวันหลาย ๆ ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและพบเห็นได้ทั่วกรุงบัวโนสไอเรส

งานศิลปะและพิพิธภัณฑ์

เช่นเดียวกับกรุงปารีส กรุงบัวโนสไอเรสคือศูนย์กลางการจัดแสดงงานศิลปะที่รวบรวมผลงานของศิลปินชั้นนำจากทั่วทวีปอเมริกาใต้และที่อื่น ๆ มาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งภายในเมือง ผู้คนสามารถร่วมชื่นชมผลงานของศิลปินลาตินอเมริกาที่รังสรรค์ไว้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 จนถึงสมัยปัจจุบันที่ MALBA หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะลาตินอเมริกาแห่งบัวโนสไอเรส หรือเลือกชมผลงานของศิลปินอิมเพรสชนนิสต์ชาวยุโรปและอีกมากมายที่พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งชาติ (The National Museum of Fine Art) แม้เทียบได้กับความรู้สึกตอนได้ชมภาพโมนาลิซาในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในกรุงปารีส แต่พิพิธภัณฑ์ในกรุงบัวโนสไอเรสก็มีผลงานงานศิลปะเลื่องชื่อจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

Floralis Generica ประติมากรรมโลหะ ดอกไม้ยักษ์ ที่ Plaza de las Naciones Unidas ชบัวโบสไอเรส
Floralis Generica ประติมากรรมโลหะรูปดอกไม้ยักษ์ ที่ Plaza de las Naciones Unidas กรุงบัวโบสไอเรส (ภาพโดย Luis X จาก Pixabay)

สวนสาธารณะ

กรุงบัวโนสไอเรสเต็มไปด้วยสวนสาธารณะที่กว้างขวางและสวยงาม เป็นแดนสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบการพักผ่อนตามพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งชวนให้นึกถึงสถานที่ปิกนิกและสถานที่ท่องท่องอันไม่ควรพลาดพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวอย่าง “El Rosedal” ในกรุงปารีส ซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์และเขตอนุรักษ์ระบบนิเวศ ชาวเมืองมักใช้เวลาไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ เดินชมดอกไม้ นั่งปิกนิกและรับประทานอาหารกลางวันอย่างเพลิดเพลิน

เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม/สถาปัตยกรรม

ชาวอาร์เจนตินาในกรุงบัวโนสไอเรสภาคภูมิใจในตัวตนของพวกเขาอย่างมาก มักจะเรียกแทนตนเองว่า “คนบัวโนสไอเรส” หรือ Portenos ที่แปลว่า “ชาวเมืองท่า” ก่อนจะบอกว่าเป็นคนอาร์เจนไตน์ ซึ่งความนิยมดังกล่าวเหมือนผู้คนในกรุงปารีสที่มักจะเรียกขานตัวเองว่าเป็น “ชาวปารีส” ก่อนเป็น “ชาวฝรั่งเศส”

คนบัวโนสไอเรสรักษาอัตลักษณ์ความเป็นอาร์เจนตินาอย่างเหนียว ซึ่งอัตลักษณ์ดังกล่าวมีความเป็นยุโรปอย่างเด่นชัดจากการที่พวกเขาสืบทอดมรดกทั้งทางสายเลือดและประวัติศาสตร์จากผู้อพยพชาวสเปน อิตาลี และอีกหลายประเทศในยุโรป ผู้มาเยือนจึงสัมผัสถึงกลิ่นอายแบบยุโรปที่ผสมผสานอยู่ในวัฒนธรรมอาร์เจนตินาได้อย่างชัดเจน

ศาลาว่าการ บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา
ศาลาว่าการกรุงบัวโนสไอเรส (ภาพโดย Craig Wealand จาก Pixabay)

ส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดสภาพเมืองลักษณะดังกล่าวเป็นเพราะอาร์เจนตินาเปิดรับผู้อพยพจากชาติอื่น ๆ ในยุโรป นอกจากชาวสเปนและอิตาลีแล้ว ยังมีนักพัฒนาเมืองชาวฝรั่งเศสและเบลเยียมด้วย สถาปนิกกับวิศวกรชาวยุโรปที่กลายเป็นพลเมืองอาร์เจนตินาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์สร้างกรุงบัวโนสไอเรสให้กลายเป็นเมืองที่สง่างามเป็นอันดับต้น ๆ ของทวีปอเมริกาใต้

งานสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เช่น พระราชวังปาซ (Paz Palace) อดีตคฤหาสน์ที่แปรสภาพมาเป็นหน่วยบัญชาการทางทหาร พระราชวังเอสตรูกามู (Estrugamou Palace) แม้แต่สวนสาธารณะ สวนหย่อม สวนป่า ล้วนเป็นผลงานของนักผังเมืองชาวฝรั่งเศสช่วงเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งสิ้น

อีกหนึ่งความคล้ายคลึงระหว่างชาวปารีสกับชาวบัวโนสไอเรสคือพวกเขาต่างหลงไหลในไวน์ชั้นเลิศ แม้ไวน์ฝรั่งเศสมักได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก แต่ไวน์อาร์เจนตินาก็ได้รับการยกย่องไม่น้อยเช่นกัน ไวน์ส่วนใหญ่ของอาร์เจนตินาเป็นผลผลิตจากจังหวัดเมนโดซา (Mendoza) ซึ่งมีภูมิอากาศแบบกึ่งแห้งแล้งแต่มีอุณหภูมิไม่สูงเกินไป เป็นภูมิอากาศที่เหมาะสมสำหรับปลูกองุ่น

เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ บัวโนสไอเรส แห่ง อาร์เจนตินา อดีตอาณานิคมของสเปน ได้รับฉายาว่า “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” ต้องยกความชอบให้เหล่าผู้อพยพ เหล่าวิศวกร สถาปนิก นักผังเมืองจากยุโรปโดยเฉพาะฝรั่งเศสและอิตาลีที่มีส่วนเนรมิตเมืองซึ่งอุดมไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมลูกผสมละหว่างฝรั่งเศสกับละตินอเมริกาอันมีชีวิตชีวา

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

David J. Keeling, Encyclopaedia Britannica : Buenos Aires, national capital, Argentina (Online)

Jamie Gallerani, goaheadtours.ca (Oct 26, 2017)  : What makes Buenos Aires “The Paris of South America”. (Online)

Lauren Paley, Frenchly (March 25, 2019) : Why Buenos Aires Is The Paris Of South America. (Online)


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 ธันวาคม 2565