“ชาเค็มทรงเครื่อง” เครื่องดื่มกึ่งของว่างที่ได้อิทธิพลจากจีนแคะ

ชาเค็มทรงเครื่องที่นอกจากมีน้ำชาเป็นหลักแล้ว ยังมีเครื่องเคราอย่่างกุ้งแห้ง, ต้นหอม, ผักชี, ถั่วป่น, ข้าวพอง ฯลฯ

โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึง “ชาจีน” เครื่องดื่มแก้กระหายที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีน  เรามักคิดถึงเครื่องดื่มร้อนๆ สีเหลืองอ่อน, สีน้ำตาลแดง, สีเขียวอ่อน ฯลฯ ตามแต่ละชนิดของชา ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน และความชุ่มคอ เมื่อดื่มกิน

แม้วันนี้พืชที่นำมาทำเป็น “ชา” จะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงใบชา แต่มีพืชชนิด รวมถึงผลไม้ แต่รูปแบบก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักนั้นคือ ชงด้วยน้ำร้อนๆ แล้วดื่ม หรือเติมน้ำแข็งเพื่อเป็นเครื่องดื่มเย็น

แต่สำหรับคนจีน “ชา” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องดื่มแก้กระหายแบบที่เราคุ้นเคย ชาบางชนิดยังเป็น เครื่องดื่มกึ่งๆ ของว่างด้วย ผศ.ถาวร สิกขโกศล เคยเขียนอธิบายถึงชาดังกล่าวไว้ใน แต้จิ๋ว:จีนกลุ่มน้อยที่ยิ่งใหญ่ (สนพ.มติชน, 2554)ว่า ในคนจังหวัดซัวบ้วย มณฑลกวางตุ้ง หรือจีนซัวบ้วย มีการ “กิน” ชาชนิดหนึ่งที่แตกต่าง การ “ดื่ม” ชาจีนทั่วๆไป

จีนซัวบ๊วย มีความเป็นมาทางเผ่าพันธ์คล้ายจีนแต้จิ๋ว กล่าวคือเป็นเย่ว์โบราณผสมกับจีนจงหยวนจากฮกเกี้ยนเป็นหลัก ต่างกันที่จีนซัวบ้วยมีสายเลือดมองโกล (เมื่อครั้งที่บุกลงใต้มีบางส่วนตั้งรกรากอยู่ที่นี้) ร่วมอยู่ด้วย เนื่องจากจังหวัดซัวบ้วยมีพื้นที่ติดต่อกับถิ่นจีนแต้จิ๋ว จีนซัวบ้วยจึงใช้ภาษาแต้จิ๋วในการสื่อสาร ด้วยสำเนียงที่เฉพาะตัว ขณะเดียวก็รับอิทธิพลบางอย่างจากจีนแคะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การ “กิน” ชา หลุ่ยเต๊ (擂茶-lèichá )

“หลุ่ยเต๊” หรือ “ชาเค็มทรงเครื่อง” ที่เรียกว่าชาชนิดนี้ ว่า “ทรงเครื่อง” เพราะมีส่วนประกอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแห้ง, ต้นหอม, ขึ้นฉ่าย, เกลือ, น้ำขิง, ถั่วงาคั่วบด ฯลฯ ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เขียนผิด และจริงๆ บางถิ่นอาจจะทรงเครื่อง หรือมีส่วนประกอบมากกว่านี้อีกด้วย ส่วนน้ำชาที่ใช้ส่วนใหญ่มักชาเขียว

และนี่ก็เป็นเป็นชาอีกอย่างที่เราไม่ “ดื่ม” แต่ “กิน” เพราะมีเครื่องเคราต้องเคี้ยวกินมากมาย


เผยแพร่ในระบบอนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2563