“อำแดง” คำนำหน้าชื่อหญิงสมัยก่อน คืออะไร?

ผู้หญิง อำแดง
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม เขียนขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5

เวลาอ่านหลักฐานประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวสมัยก่อน มักปรากฏคำว่า “อำแดง” อยู่หน้าชื่อผู้หญิง บ้างว่าอำแดงเหมือน อำแดงอยู่ อำแดงป้อม ฯลฯ เคยสงสัยไหมว่าคืออะไร หมายความว่าอย่างไร?

อำแดง

สตรีสมัยต้นรัชกาลที่ 5 (ภาพจาก “วิวัฒนาการการแต่งกาย สมัยกรุงรัตนโกสินทร์” กรมศิลปากร)

คำว่า “อำแดง” เป็นคำนำหน้าชื่อ ที่หากเทียบกับปัจจุบันก็คือ นาง หรือใช้นำหน้าชื่อหญิงที่แต่งงานแล้ว เพราะหากเรียกหญิงสามัญทั่วไป จะใช้คำว่า “อี” เช่น อีอยู่ อีคง 

คำว่าอำแดง ปรากฏการใช้ในหลากหลักฐาน เช่น กฎหมายตราสามดวง สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ยังมีพระราชนิยมเกี่ยวกับการใช้คำแดง ใน “ประกาศว่าด้วยลักษณะที่จะใช้ถ้อยคำในฎีกาทูลเกล้าฯ ถวาย” ว่า…

…อนึ่งถ้อยคำจะจดชื่อผู้หญิงนั้น ถ้าผู้หญิงที่ไม่มีบันดาศักดิ์ มีผัวแล้วอยู่กับผัวก็ดี เปนหม้ายก็ดี จึงให้เรียกว่าอำแดง ถ้ายังไม่มีผัวเรียกว่าอำแดงไม่ได้ ให้ออกชื่อเปล่าๆ เถิด แลภรรยาขุนนางซึ่งเปนเจ้าพระยาแลพระยาพระหลวง ซึ่งมีตำแหน่งรับนามบัตร ถ้าเปนภรรยาถือน้ำให้เรียกท่าน เอาคำว่าท่านนำชื่อแล้วว่าภรรยาผู้นั้นๆ ถ้าภรรยาน้อยให้ออกชื่อเปล่าๆ แล้วอ้างว่าภรรยาผู้นั้น อย่าให้เรียกว่าอำแดง 

แต่ภรรยาของคนที่เปนหลวงขุนหมื่นที่ไม่ได้รับชื่อจากในหลวง เปนแต่เจ้าขุนมุลนายตั้งนั้นให้เรียกอำแดง แต่คนหลวง โขลน สดึง ช่างเย็บ ช่างย้อม เรียกว่าอำแดงไม่ได้ ออกชื่อเปล่าๆ แล้ววางสังกัดเถิด แลนางห้ามเจ้าต่างกรม เจ้ายังไม่ได้ตั้งกรม ให้เรียกหม่อมข้างใน ในกรมนั้นๆ แต่ในพระบรมมหาราชวัง แลพระบวรราชวัง ให้เรียกเจ้าจอม อย่าเรียกจอมเปล่าๆ…” 

(เน้นคำและปรับย่อหน้าโดยกองบรรณาธิการ)

นอกจากนี้ยังปรากฏในประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 ใน “ประกาศพระราชบัญญัติให้ใช้คำนำหน้าชื่อชนต่าง ๆ” ว่า…

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4

“ภรรยาข้าหลวงข้าราชการ ที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการที่ถือศักดินาตั้งแต่นา 10000 ลงมาจนถึง 400 ก็ดี ที่ได้พระราชทานเครื่องยศตามบรรดาศักดิ์ ก็มีคำว่าท่านผู้หญิงว่าท่านนำหน้าชื่อ ที่ไม่ได้รับพระราชทานเครื่องยศบรรดาศักดิ์ก็ดี เป็นอนุภริยามิใช่ทาสภริยาที่มีบุตรด้วยกันก็ดี หญิงบุตรหลานข้าราชที่มีบรรดาศักดิ์ก็ดี หญิงยังไม่มีผัวก็ดี ไม่ต้องมีคำนำหน้าชื่อทั้งสิ้น

ภรรยาข้าราชการที่ต่ำนา 400 ลงมา จนถึงไพร่หลวงไพร่สมทั้งปวง ยกแต่หญิงมหันตโทษทาสเชลยที่ต้องลักษณะ จะเรียกว่าอี แล้วมีคำนำหน้าชื่อว่าอำแดง

เด็กหญิงที่ยังไม่ได้โกนจุกอายุไม่เกิน 13 ปี ทั้งชายทั้งหญิงที่นอกจากจะเรียกว่าอ้ายว่าอีแล้ว จะเรียกว่าหนูนำหน้าชื่อก็ควร”

(เน้นคำและปรับย่อหน้าโดยกองบรรณาธิการ)

กล่าวคือหญิงที่เป็นภรรยาข้าราชการที่ต่ำนา 400 ลงมา รวมถึงไพร่หลวงไพร่สมต้องมีคำนำหน้าว่า “อำแดง” ส่วนหญิงคนใดที่ไม่มีสามีก็ไม่ต้องมีคำนำหน้าชื่อ

ต่อมาคำว่าอำแดงก็ถูกยกเลิก เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงมีประกาศกำหนดให้หญิงที่มีสามีแล้วใช้คำว่า “นาง” ส่วนหญิงที่ไม่มีสามีให้ใช้ “นางสาว” นำหน้า และปัจจุบันผู้หญิงที่มีสามี (ไม่ว่าจะสมรสหรือสิ้นสุดการสมรส) สามารถใช้นางสาวนำหน้าชื่อได้แล้วเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

https://www.finearts.go.th/storage/contents/file/OSo3WDWLF0qxifJ8C2svDgV2SMocCOiOl5ChsdbG.pdf

https://vajirayana.org/ประชุมประกาศรัชกาลที่-๔-ภาค-๒/๓๓-ประกาศว่าด้วยลักษณที่จะใช้ถ้อยคำในฎีกาทูลเกล้า-ฯ-ถวาย

https://report.dopa.go.th/laws/document/3/303.pdf


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 ตุลาคม 2567