ไขปริศนาคำเรียกโบราณ “เทวดาวังล่าง-เทวดาวังบน” ใช้กับเจ้านายพระองค์ไหน?

พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 กับ พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 หรือ เทวดาวังล่าง เมื่อ ครั้ง ทรง เป็น กรมหลวงอิศรสุนทร ขุนนางวังหน้า
(ซ้าย) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 กับ (ขวา) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

ย้อนไปเมื่อราว 200 ปีก่อน มีคำเรียกพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงอยู่คือ เทวดาวังล่าง-เทวดาวังบน สองคำนี้หมายถึงพระองค์ใด และทำไมถึงต้องเป็น “เทวดา”

คำตอบก็คือ “เทวดาวังล่าง” หมายถึง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น “กรมหลวงอิศรสุนทร” ส่วน “เทวดาวังบน” หมายถึง สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ “วังหน้า” ในรัชกาลที่ 2 ซึ่งทั้งสองทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

เหตุที่เรียก เทวดาวังล่าง-เทวดาวังบน เช่นนี้ ต้องดูในหนังสือความทรงจำของกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ (สำนักพิมพ์ต้นฉบับ, พ.ศ. 2552) ต้นฉบับเป็นของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ซึ่งมีพระราชกระแสทักท้วงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้อธิบายไว้ ดังนี้

“คําที่ว่ามานี้เพื่อจะเล็งเห็นท่านทั้งสองพระองค์มีพระยศเป็นเจ้าฟ้า ที่บนฟ้าก็มีแต่เทวดา จึงได้เรียกว่า เทวดาวังล่าง เทวดาวังบน

มีคําถามว่าเจ้าฟ้าในยุคนั้นมีถึง 19 พระองค์ เหตุใดจึงเรียกเทวดาอยู่แต่สองพระองค์ ก็ควรจะต้องเรียกทั่วกันไปทั้ง 19 พระองค์

จึงจะควรตอบว่าท่านสองพระองค์นี้ ในครั้งนั้นท่านดํารงพระยศเป็นพระบันฑูรใหญ่พระบัณฑูรน้อย (พระกระแส, ถ้าเช่นนั้นจะต้องพูดทําไมถึงเจ้าฟ้า จะว่าเพราะท่านรับพระบัณฑูรทั้งสองพระองค์เขาจึงเรียกว่าเทวดา มิสั้นดีกว่าฤา) ขึ้นแล้ว คนทั้งหลายจึงเพิ่งเห็นว่าเจ้าฟ้ากับเจ้าแผ่นดินเป็นคู่กัน”

แล้วทำไมถึงไม่เรียก สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ซึ่งเป็นวังหน้าพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ว่าเป็นเทวดาด้วย?

ในหนังสือให้คำตอบไว้ดังนี้

“ตอบว่าที่เรียกกันว่ากรมพระราชวังบวรคือเอานามวังมาเรียกใช้ได้เป็นอย่างหนึ่งเหมือนกัน ครั้นจะเรียกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ว่ากรมพระราชวังพระองค์ใหญ่ กรมพระราชวังพระองค์น้อย ก็ชัดอยู่ด้วยท่านทั้ง 2 พระองค์นี้ไม่ได้เสด็จอยู่ในพระราชวังบวรฯ ท่านยังเสด็จประทับอยู่ที่วังเดิมของท่านทั้ง 2 พระองค์ (พระกระแส, ทําไมจึงไม่เรียกว่าพระบัณฑูรใหญ่ พระบัณฑูรน้อย ตามหมายรับสั่ง ซึ่งไม่เกี่ยวแก่วังและเคยใช้มาแต่โบราณเล็งเห็นอย่างไร) จึงรู้เรียกกันว่าเทวดาวังล่าง เทวดาวังบน ถ้อยคําที่กล่าวมานี้ถ้าจะใคร่ครวญดู ในความเห็นของคนทั้งหลายก็ชอบกลอยู่ แต่คําที่กราบทูลฤาคําใช้ในบาทหมายจึงว่า บัณฑูรใหญ่บัณฑูรน้อย”

เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้ เทวดาวังล่าง-เทวดาวังบน คือ รัชกาลที่ 2 เมื่อครั้งทรงเป็นวังหน้าในรัชกาลที่ 1 ต่อจากสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ที่สวรรคต และทำให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ไม่ได้ประทับ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล อันเป็นที่อยู่ของวังหน้า อาจเพราะคำร่ำลือเรื่องอาถรรพ์ เมื่อครั้งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ที่ทรงสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล ตรัสสาปแช่งว่า…

“ของใหญ่ของโตของกูดีๆ ของกูสร้าง ใครไม่ได้ช่วยเข้าทุนอุดหนุน กูสร้างขึ้นด้วยกำลังข้าเจ้าบ่าวนายของกูเอง นานไปใคร ไม่ใช่ลูกกู เข้ามาเป็นเจ้าของครอบครองขอผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 มิถุนายน 2567