ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
“วัชรอาสน์” หรือ โพธิบัลลังก์ สถานที่ตรัสรู้ บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ถูกให้ความสำคัญในคัมภีร์และตำนานพุทธศาสนาแทบทุกเวอร์ชัน รวมถึง “ไตรภูมิ” คัมภีร์โบราณของไทยที่อธิบายความรู้เรื่องจักรวาล ก็ให้ความสำคัญกับโพธิบัลลังก์อย่างสูงในฐานะ “ศีรษะแผ่นดิน” ซึ่งคตินี้พบร่องรอยอย่างจริงจังในสมัยรัตนโกสินทร์
โพธิบัลลังก์ กับสถานะ ศีรษะแผ่นดิน คืออะไร และคตินี้มีนัยอะไรซ่อนอยู่?
ความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ของ โพธิบัลลังก์ ถูกเล่าไว้อย่างละเอียดใน ไตรภูมิโลกวินิจยกถา เป็นส่วนหนึ่งของการอธิบายลักษณะทางกายภาพของแผ่นดินชมพูทวีป ซึ่ง “มัชฌิมประเทศ” อันเป็นที่อยู่ของมนุษย์ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะ “เป็นที่เกิดแห่งบุคคลอันวิเศษทั้งปวง คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า…”
จะเห็นว่าบุคคลวิเศษทั้งหลายจะไม่ถือกำเนิดที่อื่นนอกจากมัชฌิมประเทศ อันมี โพธิบัลลังก์ หรือพระแท่น “วัชรอาสน์” ตั้งอยู่ในตำแหน่งประธาน เป็นศูนย์กลางของแผ่นดิน และถูกล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญเป็นชั้น ๆ
ชั้นแรกเรียกว่า “สัตตมหาสถาน” คือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วประทับเพื่อเสวยวิมุตติสุข รวมโพธิบัลลังก์เป็น 7 แห่ง ทรงประทับแห่งละ 7 วัน รวมเป็น 7 สัปดาห์ ซึ่งโพธิบัลลังก์จะอยู่ใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ รายล้อมด้วยสถานที่ 6 แห่ง ได้แก่ 1) อนิมิสเจดีย์ 2) รัตนจงกรมเจดีย์ 3) รัตนฆรเจดีย์ 4) อชปาลนิโครธเจดีย์ 5) มุจลินทรเจดีย์ 6) ราชายตนะเจดีย์
ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา สำนวนที่ 2 ระบุว่า ถัดจากสัตตมหาสถาน มีชั้นที่สองเรียกว่า “อัฏฐมหาสถาน” คือสถานที่สำคัญ 8 แห่ง ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงปาฏิหาริย์ครั้งสำคัญ ๆ เรียกว่า “มหาสถาน” ได้แก่
1) สถานที่ประสูติ ป่าลุมพินีวัน 2) โพธิบัลลังก์ที่ทรงตรัสรู้ 3) สถานที่แสดงปฐมเทศนา 4) สถานที่ประทับจำพรรษาพระองค์เดียวแล้วมีช้างปาลิไลย์คอยดูแล 5) สถานที่ทรงทรมานช้างธนบาลหัตถี ที่พระเทวทัตปล่อยมาทำร้ายพระองค์ 6) สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ และเสด็จโปรดพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 7) สถานที่เสด็จลงจากดาวดึงส์และแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก 8) สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน
ในบรรดามหาสถานทั้ง 8 นี้ โพธิบัลลังก์อยู่ตรงกลาง โดยมีมหาสถานอีก 7 แห่งรายล้อมเช่นเคย
นอกจากนี้ยังมี “โสฬสมหานคร” และ “มหาชนบท” ล้อมรอบอีก 2 ชั้น ถัดจากนั้นจึงเป็นพื้นที่ป่าหิมพานต์ ปัญจมหานที พื้นที่น้ำท่วม เรื่อยไปจนสุดชมพูทวีป
ความสำคัญของศีรษะแผ่นดิน ที่ตั้งของโพธิบัลลังก์ คือ เมื่อโลกจะถูกทำลาย ศีรษะแผ่นดินจะถูกทำลายเป็นลำดับสุดท้าย และเมื่อกาลกำเนิดโลกเวียนมาใหม่ จุดแรกที่จะเกิดขึ้นก่อนก็คือ ศีรษะแผ่นดินเช่นกัน
ดังข้อความในไตรภูมิโลกวินิจฉยกถาว่า “…อันว่า ศีศะแผ่นดิน อันเปนที่ต้งงบันลังก์พระมหาโพธิเปนที่ ถวายพุทธาพิเศก ทรงพระวิมุดิเศวตรฉัตรนั้นเมื่อโลกยจฉิบหายที่อันนั้น ก็ฉิบหายต่อมาภายหลัง เมื่อโลกต้งงขึ้นที่นั้นก็ต้งงขึ้นก่อน ที่ทั้งปวงจึ่งต้งงขึ้นตามต่อภายหลัง ที่นั้นจึ่งชื่อว่าศีศแแผ่นดิน ด้วยอรรถว่าเปนประทานแก่พื้นที่ชมภูทวีป…”
อีกความสำคัญของศีรษะแผ่นดินคือ การปรากฏดอกบัว “บุพนิมิต” สัญลักษณ์แสดงจำนวนพระพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในแต่ละกัลป์ ซึ่งพระพรหมจากชั้นสุทธาวาสจะเหาะมาดูบุพนิมิตดังกล่าว
ศีรษะแผ่นดินในไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา จึงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมากของพุทธศาสนานิกายเถรวาท แม้ไตรภูมิอีกเวอร์ชันอย่าง “ไตรภูมิพระร่วง” จะให้ความสำคัญกับ เขาพระสุเมรุ เป็นหลัก โดยเป็นทั้งศูนย์กลางจักรวาล ล้อมรอบด้วยเขาบริวาร มหาทวีปทั้ง 4 มหานทีสีทันดรสมุทร พระอาทิตย์และพระจันทร์ล้วนโคจรรอบเขาพระสุเมรุ ซึ่งที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์และที่ประดิษฐานพระเจดีย์จุฬามณี บรรจุพระเกศธาตุ (เส้นผม) ของพระพุทธเจ้า
อย่างไรก็ตาม แนวคิดศีรษะแผ่นดินกลับถูกให้ความสำคัญเป็นพิเศษในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะปรากฏหลักฐานว่ามีการขยายความให้กว้างขวางออกไปอย่างเห็นได้ชัด ผ่านสถาปัตยกรรม วัดวาอารามต่าง ๆ ในพระนคร
นิธิ เอียวศรีวงศ์ วิเคราะห์ว่า การเปลี่ยน “หลัก” ของโลกจากเขาพระสุเมรุมาเป็น “โพธิบัลลังก์” มีความหมายอย่างลึกซึ้งต่อแนวคิดเกี่ยวกับกษัตริย์และรัฐในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะเท่ากับเปลี่ยนกษัตริย์ที่เคยเป็นเสมือน “เทวะ” บนยอดเขาพระสุเมรุ มาเป็นสถานะใหม่ คือ “พุทธะ” ของโลกแทน
ดังจะเห็นการอธิบายกำเนิดกษัตริย์พระองค์แรกของโลกว่าเป็นพระโพธิสัตว์ และจะมาบังเกิดขึ้นบนแผ่นดินมัชฌิมประเทศ สอดคล้องอุดมคติใหม่ของกษัตริย์ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่เน้นความเป็น “ธรรมราชา” มากกว่าการเป็น “เทวราชา” แต่บทบาทของการเป็นสมมติเทพไม่ได้หายไปแต่อย่างใด
อ่านเพิ่มเติม :
- สวรรค์แบบพุทธที่เทวดาตกชั้นได้ จาก “ฉกามาพจร” ในไตรภูมิพระร่วง
- “ดาวดึงส์” สวรรค์ชื่อคุ้นหู จากพุทธประวัติเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเทศน์โปรดพระมารดา
- คติ “พระอินทร์” และ “ศีรษะแห่งแผ่นดิน” การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมด้วยเหตุผลทางการเมือง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ชาตรี ประกิตนนทการ. (2558). การเมืองในสถาปัตยกรรม สมัยรัชกาลที่ 1. กรุงเทพฯ : มติชน.
พิชญา สุ่มจินดา. จาก “สะดือแผ่นดิน” สู่ ศีรษะแผนดิน การต่อยอดคติโพธิบัลลังก์จากสมัยอยุธยาตอนปลายสู่ต้นรัตนโกสินทร์. ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤศจิกายน 2564.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 พฤษภาคม 2567