สิบสองปันนา-สิบสองจุไท แดนดินถิ่นเผ่าไท ทำไมต้อง “สิบสอง” ?

เชียงรุ่ง สิบสองปันนา กลางคืน
เมืองเชียงรุ่งยามค่ำคืน (ภาพจาก Unsplash)

สิบสองปันนา สิบสองจุไท คือถิ่นฐานของกลุ่มคนพูดภาษาไทกะได หรือ เผ่าไท ซึ่งอยู่ในพื้นที่เวียดนามและตอนใต้ของจีน ชื่อบ้านนามเมืองเหล่านี้หมายถึงอะไร ทำไมต้อง “สิบสอง” ?

สิบสองปันนา กับ สิบสองจุไท มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันทั้งในแง่ประชากรศาสตร์และประวัติศาสตร์ ก่อนการแบ่งเส้นเขตแดนใหม่ในยุคล่าอาณานิคม แล้วถูกแบ่งไปเป็นส่วนหนึ่งของหลายประเทศที่อยู่รายล้อม

ปัจจุบันสิบสองปันนามีศูนย์กลางอยู่ที่เชียงรุ่ง (เชียงรุ้ง) ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ส่วนสิบสองจุไทปัจจุบันคือบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม ที่ติดต่อกับแขวงพงศาลีของลาว

คนไทครอบครองพื้นที่สิบสองปันนา-สิบสองจุไท มาอย่างยาวนานตลอดสมัยประวัติศาสตร์ มีชาติพันธุ์อื่นปะปนอยู่บ้าง แต่ เผ่าไท เป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุด แม้จะปกครองตนเองอย่างอิสระ แต่ก็ยอมรับอำนาจทางการเมืองของรัฐขนาดใหญ่ที่อยู่รายล้อมโดยการส่งบรรณาการให้ ได้แก่ เวียดนาม จีน ลาว ตลอดจนสยาม จึงได้ชื่อว่าเป็นเมือง “สองฝ่ายฟ้า” หรือบางช่วงอาจเรียกว่ามีสถานะ “สามฝ่ายฟ้า” ก็ไม่ผิด

สิบสองปันนา “นครเมิงไต” หรือสำเนียงไทยกลางลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาคือ “นครเมืองไทย” เป็นถิ่นฐานของชาวไทลื้อ หรือ “ไตลื้อ” มีการแบ่งเขตการปกครองด้วยการถือไร่นาทั้งหมด 12,000 ไร่ ตรงกับสำเนียงไทเรียกว่า “สิบสองพันนา” หรือสิบสองปันนา ประกอบด้วย 12 เขตปกครอง เขตปกครองละ 1 พันนา บางเขตอาจมีมากกว่าหนึ่งเมือง ได้แก่

  1. เมืองเชียงรุ่ง เมืองยาง เมืองฮำ
  2. เมืองแจ เมืองมาง (ตะวันตก) เมืองเชียงลู เมืองออง
  3. เมืองลวง
  4. เมืองหน เมืองพาน เชียงลอ
  5. เมืองฮาย เมืองเชียงเจือง
  6. เมืองงาด เมืองขาง เมืองวัง
  7. เมืองหล้า เมืองบาน
  8. เมืองฮิง เมืองปาง
  9. เชียงเหนือ เมืองลา
  10. เมืองพง เมืองมาง (ตะวันออก) เมืองหย่วน
  11. เมืองอูเหนือ เมืองอูใต้
  12. เมืองเชียงทอง เมืองอีงู เมืองอีปาง

คนไทในสิบสองปันนาเรียกแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านดินแดนของพวกเขาว่า “แม่น้ำล้านช้าง” หรือ “แม่น้ำของ” เป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเขตปกครองด้วยเช่นกัน โดยเรียกว่า “5 เมิงวันตก 6 เมิงวันออกของ” คือ 5 เมืองตะวันตกของแม่น้ำโขง และ 6 เมืองตะวันออกของแม่น้ำโขง บวกกับเมืองเชียงรุ่ง เป็น 12 เมืองพอดี

สำหรับสิบสองจุไท มีบันทึกในพงศาวดารระบุถึงชุมชนขนาดใหญ่ระดับเมืองของชาวไทดำ 8 เมือง เมืองของไทขาว 4 เมือง จึงถูกเรียกว่า “เมืองสิบสองจุไท” หรือสิบสองผู้ไท เป็นการรวมกลุ่มกันอย่างหลวม ๆ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองแถง หรือเดียนเบียนฟูในปัจจุบัน 

อันที่จริง แถบนี้เคยมีเมืองมากถึง 18 เมืองมาแล้ว แต่ 6 เมืองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจีน หลังจีนทำสัญญากับเจ้าอาณานิคม ส่วนบริเวณสิบสองจุไทในเวียดนาม ประกอบด้วยเมืองต่าง ๆ 12 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองแถง (เดียนเบียนฟู) เมืองสอ เมืองไล เมืองม่วย เมืองลา เมืองมัวะ เมืองวาด เมืองสาง เมืองกวาย เมืองเติ๊ก เมืองลอ และเมืองถาน

ลักษณะของเมือง เผ่าไท ใน สิบสองปันนา และ สิบสองจุไท คือ พวกเขาไม่สามารถรวมตัวกันเป็นแคว้นหรือรัฐขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากกระจายตัวอยู่บนภูมิศาสตร์ที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ยากแก่การพัฒนาไปสู่รัฐที่มั่นคง จึงถูกมหาอำนาจเข้ามาจัดสรรปันส่วนไปเป็นส่วนหนึ่งของตน

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

ชนัญชิดา ศิริจันโท, ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2550). บทบาทของชนเผ่าไทในเวียดนามในศึกเดียนเบียนฟู (ค.ศ. 1946-1954). วิทยานิพนธ์ หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์เอเชีย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

พิเชฐ สายพันธ์. (2564). เมืองแถง-เดียนเบียนฟู: การเมืองชาติพันธุ์และการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐสังคนิยมของกลุ่มไทในเวียดนาม. วารสารสังคมวิทยามานุษยวิทยา.

พระศรีธวัชเมธี. (2558). สิบสองปันนา : นครเมิงไต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (ออนไลน์)


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2567