โจโฉ ผู้ยอมทรยศคนทั้งโลก ดีกว่าให้คนทั้งโลกทรยศ

โจโฉ สามก๊ก
ภาพวาดโจโฉ สมัยราชวงศ์หมิง (ภาพจาก Wikimedia Commons)

โจโฉ ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ เป็นชื่อหนังสือเกี่ยวกับวรรณกรรม สามก๊ก เล่มหนึ่งเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ที่อ้างอิงบุคลิกภาพของ โจโฉ ตัวละครสำคัญของเรื่อง ซึ่งตอนหนึ่งถึงกับ “ฆ่าล้างครัว” แปะเฉีย-สหายของบิดาตนเอง (นักวิชาการบางท่านว่าแปะเฉียเป็นเพียงตัวละครที่ไม่มีตัวตนจริง) เพื่อให้ตัวเองปลอดภัย

เรื่องราวมีอยู่ว่า หลัง ตั๋งโต๊ะ สังหารหองจูเปียน-ยุวจักรพรรดิ และพระมารดา ตั้งจักรพรรดิใหม่ที่เป็นหุ่นเชิด ยึดอำนาจไว้ในมือ แล้วตั้งตนเป็น “มหาอุปราช” เหล่าขุนนางราชสำนักมีการแอบประชุมหารือกันที่บ้าน อ้องอุ้น คราวนั้นอ้องอุ้นระบายความในใจว่า ไม่เห็นใครจะช่วยแก้ปัญหาของแผ่นดินให้สงบสุขได้ แล้วก็ร้องไห้ ขุนนางคนอื่นฟังแล้วก็ต่างคนต่างร้องไห้

ครานั้น โจโฉ กลับลุกขึ้นตบมือหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า เสียทีที่เป็นขุนนางใหญ่ คิดการแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่นั่งร้องไห้

อ้องอุ้นเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงย้อนโจโฉว่า “ปู่แลบิดาของตัวก็เปนขุนนาง ได้กินเบี้ยหวัดมาแต่ก่อน ตัวหารู้จักคุณแผ่นดินไม่ เราคิดการจะล้างตั๋งโต๊ะเสีย เหตุด้วยทหารตั๋งโต๊ะมีเปนอันมาก เราคิดยังมิตลอดจึงร้องไห้ เปนไฉนตัวจึงมาตบมือหัวเราะเย้ยดังนี้”

โจโฉ ก็ตอบว่า บรรดาขุนนางที่คิดจะแก้ปัญหาแผ่นดินไม่ได้แล้วชวนร้องไห้ ปู่และพ่อตนก็รับราชการมาก่อน ตนเองก็คิดจะสนองคุณแผ่นดิน ทำไมไม่สังหารตั๋งโต๊ะทิ้งเสีย

แล้ว “ดีลลับ” เพื่อการ “เก็บ” ตั๋งโต๊ะ ก็เกิดขึ้น

โจโฉแจกแจงว่า ที่ตนเองตีสนิทให้ตั๋งโต๊ะใช้สอยทุกวันนี้ ก็เพื่อหาโอกาสลอบสังหารตั๋งโต๊ะ แต่ยังหาอาวุธดีไม่ได้ แต่รู้ว่าอ้องอุ้นมีกระบี่สั้นดีเล่มหนึ่ง จึงเอ่ยปากขอยืมไปตัดหัวตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้นถึงกับคุกเข่าคำนับ, รินสุรา และยกกระบี่สั้นให้แก่โจโฉ ส่วนโจโฉก็รับสุราจอกนั้นมาสาบานว่าจะฆ่าตั๋งโต๊ะให้ได้

วันรุ่งขึ้น โจโฉเหน็บกระบี่สั้นซ่อนไว้ในเสื้อ เดินทางไปพบตั๋งโต๊ะที่บ้าน ตั๋งโต๊ะอยู่ที่ห้องหนังสือมี ลิโป้ คอยรับใช้อยู่ข้างๆ ตั๋งโต๊ะเมื่อเห็นโจโฉก็ทักว่าทำไมวันนี้มาสาย โจโฉตอบกลับไปว่า ม้าที่ตนใช้ขาเจ็บยังหาม้าใหม่มาแทนไม่ได้ ตั๋งโต๊ะจึงสั่งลิโป้ให้ไปนำม้าดีตัวหนึ่งมาให้โจโฉ

โจโฉ เห็นว่าสบโอกาสที่ลิโป้ไม่อยู่ก็ชักกระบี่สั้นหมายจะฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่ตั๋งโต๊ะคงเป็นคนดวงดีมากๆ แม้จะนั่งหันหลังให้แต่เห็นเงาจากกระจกที่แขวนอยู่ จึงหันหน้ามาถามว่าโจโฉชักกระบี่ออกมาจะทำร้ายตนหรือไง พอดีกับที่ลิโป้กลับเข้ามา

โจโฉก็มีสติดีเวอร์ คุกเข่าชูกระบี่ยื่นให้ตั๋งโต๊ะ พร้อมกับกล่าวแก้ตัวประมาณว่า ทุกวันนี้ได้ดีเพราะตั๋งโต๊ะ ไม่มีสิ่งใดแทนคุณ จึงขอมอบกระบี่ของบรรพบุรุษ (คนอื่น) ให้เป็นของกำนัล

ตั๋งโต๊ะเชื่อตามคำโจโฉ รับกระบี่แล้วส่งให้ลิโป้เอาไปเก็บ ส่วนตัวก็พาโจโฉมาดูม้าที่ตนมอบให้ เวลานั้นในใจโจโฉคิดว่าทำการไม่สำเร็จ ถ้าตั๋งโต๊ะระแคะระคายขึ้นมาตนคงไม่รอด จึงกล่าวกับตั๋งโต๊ะว่าขอลองฝีเท้าม้าดู แล้วขี่ม้าออกนอกเมืองไป

ขณะที่ลิโป้ทักท้วงตั๋งโต๊ะว่า ที่โจโฉมอบกระบี่ให้คงเป็นการแก้ตัว เพราะตั๋งโต๊ะรู้ตัวเสียก่อน และตนกำลังเข้ามาพอดี ตั๋งโต๊ะจึงเกิดความแคลงใจส่งลิยูไปดูที่บ้านโจโฉก็ไม่พบตัว แต่สืบความได้ว่าโจโฉขี่ม้าออกนอกเมืองไปทางประตูตะวันออกแล้ว

ตั๋งโต๊ะเมื่อทราบเรื่องก็โกรธมาก สั่งให้เขียนรูปโจโฉไปปิดประกาศจับตัว พร้อมตั้งรางวัลนำจับ

โจโฉ หนีมาถึงเมืองจงพวนที่ ตันก๋ง เป็นเจ้าเมืองอยู่ก็ถูกจับได้ ตันก๋งสอบถามว่า ตั๋งโต๊ะรักใคร่โจโฉอยู่ทำไมจึงคิดทรยศหักหลัง โจโฉก็ตอบว่า บ้านเมืองเกิดจลาจลประชาชนลำบาก ตนจะหนีไปหาบิดา เพื่อรวบรวมกำลังมาสู้กับตั๋งโต๊ะที่เป็นศัตรูของราชสำนัก ตันก๋งได้ฟังก็ปลดเครื่องจองจำ จัดหาทรัพย์สินและม้าเดินทางไปติดตามโจโฉ

หลังเดินทางมา 3 วัน โจโฉก็มาถึงบ้าน แปะเฉีย-สหายของบิดาตนเอง เมื่อพบแปะเฉีย โจโฉก็แจ้งเรื่องทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง แปะเฉียก็บอกพักค้างที่บ้านตนก่อน พรุ่งนี้เช้าจึงค่อยออกเดินทางต่อ แล้วไปสั่งพ่อครัวให้เตรียมอาหารรับรอง ส่วนตนจะไปหาซื้อสุราดีมารับรอง

ฝ่ายพ่อครัวเมื่อรับคำสั่งมาก็หารือกันว่า “เราจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียว” ฝ่ายโจโฉได้ฟังดังนั้นก็จินตนาการไปทางร้ายล่วงหน้าว่า แปะเฉียจะให้บ่าวในบ้านสังหารเขา ส่วนแปะเฉียก็แสร้งไปซื้อสุรา แต่ไปแจ้งกับนายบ้านให้มาจับตนเป็นแน่ คิดดังนั้นจึงหารือกับตันก๋ง ตันก๋งก็บอกว่ายากจะประเมินน้ำใจคน

โจโฉว่าเอาไว้ไม่ได้ แล้วก็ตัดสินใจลงมือสังหารภรรยา, บุตร  และคนในครอบครัวแปะเฉียจนสิ้น ตันก๋งหันมาเห็นหมูที่ถูกมัดไว้ก็ตกใจว่า พวกตนฆ่าล้างครัวแปะเฉียไปเพราะเข้าใจผิดเสียแล้ว

โจโฉจึงพาตันก๋งหนีออกจากบ้าน ระหว่างทางก็พบกับแปะเฉียที่ไปซื้อสุรากลับมา โจโฉก็แกล้งว่าตนเป็นคนที่ทางการต้องการตัว เกรงจะนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวแปะเฉีย จึงคิดจะเร่งออกเดินทาง แต่หลังจากคิดทบทวนในเวลาสั้น โจโฉก็สังหารแปะเฉียทิ้งเสียอีกคน

ตันก๋งเห็นดังนั้นก็เป็นอันช็อคซ้ำสอง ถามว่าทำไมจึงต้องฆ่าแปะเฉียอีก โจโฉก็แจ้งว่า หากปล่อยแปะเฉียไปเขาคงต้องโกรธแค้นตน และแจ้งเบาะแสกับทางการให้มาจับแน่ ฆ่าแปะเฉียทิ้งเสียแล้ว เรื่องต่าง ๆ ก็จะไม่มีใครเปิดเผย

ตันก๋งจึงว่า เมื่อฆ่าภรรยา, บุตรแปะเฉียเป็น “เรื่องรู้เท่าไม่ถึงการณ์” แต่ฆ่าแปะเฉียนั้นถือว่า “อกตัญญู”

โจโฉจึงว่า “ท่านว่าฉนี้ก็ชอบกลอยู่ แต่ว่าธรรมดาเกิดมาทุกวันนี้ ย่อมจะรักษาตัวมิให้ผู้อื่นคิดร้ายได้ เราจึงทำการทั้งนี้” โจโฉจึงสมัครทรยศโลก มากกว่ายอมให้โลกทรยศ

ส่วนตันก๋งที่ยอมสละสิ่งต่าง ๆ ติดตามโจโฉ เพราะคิดว่าเป็นคนมีปัญญา, น้ำใจซื่อตรง, อุดมการณ์สูงส่ง ก็ได้คิดว่า หากคบค้ากับโจโฉต่อไปคงประสบเคราะห์ร้ายมากกว่าดี คืนหนึ่งจึงขี่ม้าแอบหนีไป

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเก็บความจาก สามก๊ก สำนวนแปลเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ราชบัณฑิตสภาชำระ เล่ม 1 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และสำนักพิมพ์สุขภาพใจ จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 สิงหาคม 2566