ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
ศรีธนญชัย เป็นนิทานพื้นบ้านไทย ไม่ทราบใครเป็นผู้แต่ง เพราะเป็นนิทานที่เล่าสู่กันฟังต่อเนื่องมา สันนิษฐานว่าถือกำเนิดมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นที่รู้จักและแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้ ทั้งยังแพร่หลายไปในประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กัมพูชา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์
เนื้อหาของนิทานเป็นเรื่องของ “ศรีธนญชัย” ตัวละครหลักของเรื่องที่เป็นคนเจ้าปัญญา มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง ไหวพริบดี สามารถแก้ปัญหาเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ไหวพริบของศรีธนญชัยส่วนใหญ่เป็นเรื่องความสามารถในทางภาษา การเล่นคำ และการตีความหมายของคำที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน ซึ่งเป็นความโดดเด่นของนิทาน และทำให้เป็นที่กล่าวขานถึงเสมอในปัจจุบัน
วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงศรีธนญชัยว่า เป็นคนที่ใช้ไหวพริบแบบฉลาดแกมโกง เอาผลประโยชน์ทั้งกับคนและสังคมที่ซื่อบื้อ และยกตัวอย่างว่า
“ครั้งหนึ่ง ศรีธนญชัยต้องอาญาให้นำตัวไปผูกกับเสาไว้ในทะเล รอให้น้ำขึ้นก็จะต้องจมน้ำตาย เมื่อศรีธนญชัยถูกทหารนำไปผูกกับเสาไว้กลางทะเล ศรีธนญชัยก็ตะโกนดังๆ ว่า ‘ข้าไม่เป็น ข้าไม่เอา’
ขณะนั้นมีเรือสำเภาแล่นผ่านมาได้ยินเกิดความสงสัย จึงเอาตัวศรีธนญชัยขึ้นไปถามบนเรือว่า เขาจะให้เป็นอะไรจึงร้องตะโกนลั่นท้องทะเลว่า ‘ข้าไม่เป็น ข้าไม่เอา’ ศรีธนญชัยตอบว่าเขาจะให้ไปเป็นพระราชา ตนไม่อยากเป็น เขาจึงนำมาผูกไว้ให้น้ำทะเลท่วมตาย
เจ้าสัวเจ้าของเรือสำเภาพอได้ความจึงขอเอาตัวเองไปผูกไว้กับหลักกลางทะเล แล้วยกเรือสำเภาพร้อมกับสินค้าให้ศรีธนญชัยไป ตัวเองร้องตะโกนว่า ‘ข้ายอมเป็น เป็นแล้ว ข้าอยากเป็น’ จนน้ำทะเลขึ้นท่วมศีรษะจมน้ำตายก็ไม่มีใครเอาไปเป็นพระราชา”
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย กล่าวถึงศรีธนญชัย ว่า “กฎหมายรัฐธรรมนูญของไทยเป็นกฎหมายที่ยาวและมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก แต่ก็ยังไม่วายมีช่องว่างให้ตีความ…มันยาวเพราะคนเขียนพยายามที่จะป้องกันปัญหาต่างๆ เพราะคนไทยมีนิยายศรีธนญชัยอยู่
การที่นิยายศรีธนญชัยได้รับความนิยม มันสะท้อนวัฒนธรรมทางการเมืองอะไรบ้าง กล่าวคือ ชอบตีความตามตัวหนังสือและตีความเอาที่ประโยชน์เข้าตัวเขา…มันสะท้อนว่าคนไทยให้ความสำคัญและถือว่าการฉลาดแกมโกงสามารถบิดผันเอาคำพูดมาเป็นประโยชน์ตัวได้เป็นสิ่งดีงาม ไม่งั้นนิยายศรีธนญชัยจะไม่เป็นที่แพร่หลายอย่างนี้…”
ส่วน นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กลับเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไปว่า…
“ผมไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีที่ว่าคนไทยนั้นเป็นศรีธนญชัย หรือพูดอีกอย่างว่า กะล่อนเป็นสันดาน…นิทานเรื่องนี้สะท้อนการต่อต้านอำนาจ นับตั้งแต่อำนาจของพ่อแม่ อำนาจของพระ…คนไทยสมัยหนึ่งชอบฟังนิทานเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะคนไทยหัวแข็งชอบต่อต้านอำนาจ หากเป็นเพราะต้องอยู่ใต้อำนาจตลอดเวลาจึงอยากจะมีเวลาสะใจกับการที่อำนาจถูกท้าทายบ้าง…แม้ว่าศรีธนญชัยอาจใช้ความคลุมเครือดิ้นได้ของภาษาเป็นเครื่องมือในการต่อต้านอำนาจ แต่ก็เป็นอำนาจที่ขาดความชอบธรรม”
เช่น ตอนหนึ่งในนิทาน พระราชาที่เป็นเจ้ากรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด ยกที่ดินให้ศรีธนญชัยตามที่ขอ คือ ขนาด “เท่าแมวดิ้นตาย” ที่ศรีธนญชัยจับแมวมาคล้องเชือกแล้วไล่ตีจนตาย ก่อนจะยึดที่ดินตามที่แมวตัวดังกล่าววิ่งหนีทั้งหมดมาเป็นของตน
นิธิวิเคราะห์ว่า “อำนาจทั้งหลายก็มักมีรอยโหว่ คือบางส่วนของอำนาจนั้นขาดคุณธรรม…การต่อต้านของศรีธนญชัยจับใจคนไทยตรงนี้ครับ คือตรงที่ต่อต้านรอยโหว่ของอำนาจที่ขาดความชอบธรรม…”
อ่านเพิ่มเติม :
- “ขุนช้างขุนแผน” จากนิทานพื้นบ้าน สู่วรรณกรรมราชสำนัก การแต่งเติมเรื่องราวฉบับพิสดาร
- นิทาน “นายจิตร นายใจ” วรรณกรรมเสียดสี 3 พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ สมัยรัชกาลที่ 5
อ้างอิง :
ผศ. สุวรรณา งามเหลือ. “ศรีธนญชัยกับอุบายการตีความหมายในภาษา” ผลการงานวิจัยและวิชาการด้านมนุษยศาสตร์ ปี 2553, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย.
วีรพงษ์ รามางกูร .“การเมืองศรีธนญชัย” ใน, มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2561.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 3 สิงหาคม 2566