ผู้เขียน | แสนยากร ปุญสิริ |
---|---|
เผยแพร่ |
คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ ผลงานที่สร้างขึ้นเมื่อราว ๆ 150 ปีที่แล้วโดย คัทสึชิกะ โฮคุไซ ศิลปินชาวญี่ปุ่น อาจเป็นภาพคลื่นซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในภาพที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อประวัติศาสตร์ศิลปะ ทั้งที่เดิมแล้วภาพประเภทนี้ไม่ได้ราคาแพงหรือหายาก และไม่ได้วาดด้วยมือ แบบเดียวกับภาพทรงอิทธิพลอื่น ๆ ของโลก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
กระแสนิยมในโลกที่ล่องลอย
อูคิโยะ เอะ (Ukiyo E-浮世絵) คือชื่อเรียกงานศิลปะประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคเอโดะ อูคิโยะ เอะ มีความหมายว่า “ภาพแห่งโลกที่ล่องลอย” เน้นหนักในการนำเสนอภาพที่มีความเรียบง่าย พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เช่น สตรี เกอิชา ซามูไร บ้านเรือน หรือทัศนียภาพจากธรรมชาติ ที่เมื่อดูภาพแล้วจะเกิดความบันเทิงใจขึ้นมา
เดิมที อูคิโยะ เอะ ไม่ได้ถูกกำหนดว่าต้องผลิตด้วยวิธีใด แต่ส่วนใหญ่แล้วภาพที่มีชื่อเสียงของงานประเภทนี้จะผลิตโดยใช้แท่นพิมพ์ไม้ วิธีทำเริ่มจากการร่างภาพบนกระดาษ นำภาพไปแปะติดกับแผ่นไม้ด้วยกาวชนิดพิเศษ กดกระดาษลงไปจนให้ภาพที่ร่างไว้ติดกับแผ่นไม้ แล้วจึงลอกกระดาษที่ติดอยู่ออก แกะสลักตามภาพร่างและลงหมึกสีที่แผ่นไม้ ก่อนจะพิมพ์ลงไปบนกระดาษเปล่าตามลำดับสีอ่อนไปสีเข้ม
อูคิโยะ เอะ ถือเป็นงานศิลปะที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาติตะวันตก หลังจากญี่ปุ่นเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้าไปติดต่อได้หลังจากอยู่ในยุคเอโดะมาราวสามศตวรรษ และถูกส่งเสริมเพิ่มเติมผ่านการปฏิรูปเมจิใน ค.ศ. 1868 จนนำมาสู่การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างจริงจังระหว่างญี่ปุ่นกับชาติตะวันตก
แง่หนึ่งจึงอาจกล่าวได้ว่า อูคิโยะ เอะ คือ ซอฟต์ พาวเวอร์ แรก ๆ ของญี่ปุ่น ที่ทำให้ต่างชาติได้สัมผัสศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยก็เป็นได้
ศิลปินผู้ขยันขันแข็ง กับทัศนียภาพทั้ง 36 มุมของภูเขาฟูจิ และ “คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ”
คัทสึชิกะ โฮคุไซ (Katsushika Hokusai-葛飾北斎) คือศิลปินอูคิโยะ เอะ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 งานของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อาจเป็นเพราะช่วงเวลาดังกล่าว คัทสึชิกะ โฮคุไซ เผชิญความยากลำบากทางการเงิน จนต้องเร่งผลิตงานศิลปะออกมาเป็นจำนวนมาก
แม้ภาพลักษณ์จะดูเป็นศิลปินไส้แห้ง แต่ความอัจฉริยะและความขยันของโฮคุไซก็ทำให้งานของเขาขายได้เรื่อย ๆ ผลงานอย่าง “โฮคุไซมังงะ” (Hokusai Manga-北斎漫画) งานภาพพิมพ์แบบรวมเล่มที่รวมงานพิมพ์ของโฮคุไซไว้หลายพันภาพก็เกิดขึ้นในช่วงนี้ และทำให้โฮคุไซเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างจริงจัง
กระทั่งช่วงทศวรรษที่ 1820 ชื่อเสียงของโฮคุไซก็ดังไปทั่วญี่ปุ่น จากผลงานชุดอมตะของเขาคือ “ทัศนียภาพทั้ง 36 มุมของภูเขาฟูจิ” (Thirty-six Views of Mount Fuji-富嶽三十六景) ที่บอกเล่ามุมมองของภูเขาฟูจิจากทัศนวิสัยและฤดูกาลที่แตกต่างกัน งานชุดนี้โฮคุไซได้เดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ที่อยู่รอบภูเขาฟูจิ สังเกตและใช้จินตนาการต่อทิวทัศน์เบื้องหน้า ก่อนจะร่างภาพบนกระดาษแล้วจึงแกะสลักลงไป
โฮคุไซใช้สไตล์ที่เรียกว่า ภาพสีฟ้าคราม (Blue Printed Pictures-藍摺絵) เน้นใช้หมึกที่ทำมาจากปรัสเซียน บลู (Prussian Blue) เป็นหลัก ซึ่งถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นครั้งแรกช่วงปลายทศวรรษ 1820 โดยใช้ร่วมกับครามหรือดอกเดย์ฟลาวเวอร์ ทำให้พื้นที่ภายในภาพส่วนใหญ่จะเป็นสีฟ้า งานชุดนี้ของโฮคุไซล้วนมีชื่อเสียง และถูกนำมาจัดพิมพ์ซ้ำนับครั้งไม่ถ้วนในขณะนั้น
แต่หากจะถามถึงรูปที่มีชื่อเสียงที่สุดในงานชุดนี้ “คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ” อาจเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
“คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ” คลื่นที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น
คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ (The Great Wave off Kanagawa-神奈川沖浪裏) ผลงานของโฮคุไซวัยชราถูกเผยแพร่ครั้งแรกราว ค.ศ. 1831-1832 หากพิมพ์ลงกระดาษแล้วตัวภาพจะสูง 29 เซนติเมตร ยาว 36 เซนติเมตร ตัวภาพสีฟ้าครามแสดงให้เห็นถึงคลื่นยักษ์ที่ไม่ใช่สึนามิจากมุมมองนอกชายฝั่งคานากาวะทางใต้ของโตเกียว หิมะที่โปรยปราย เรือประมง 3 ลำบนคลื่น กับชาวประมงราว 20 คน ที่ไม่แน่ชัดว่ากำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดหรือจำนนต่อโชคชะตา และภูเขาฟูจิ ซึ่งอยู่ห่างไกลและดูมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตัวคลื่น
คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ เป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากองค์ประกอบของภาพกับความเหมาะสมของช่วงเวลาที่ภาพนี้โด่งดัง สำหรับชาวยุโรปแล้ว คลื่นขนาดยักษ์ดังปรากฏในรูปอาจเป็นสิ่งที่ดูงดงามและอยู่เหนือจินตนาการ เดน มอร์ลีย์ (Dane Morley) ศิลปินชาวออสเตรเลียกล่าวว่า “มันถ่ายทอดจินตนาการของโลกตะวันตกในรูปแบบที่งานของยุโรปไม่สามารถทำได้”
คลื่นของโฮคุไซหากเทียบกับงานชิ้นอื่นในยุคเดียวกัน ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นคลื่นที่ไม่มีความสมจริงเท่าไหร่นัก ทั้งจากความสูงที่ดูเวอร์วัง และยอดคลื่นที่มีลักษณะแปลกประหลาด แต่ในทางกลับกันก็แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความน่าสะพรึงของคลื่น อย่างที่ไม่มีผลงานชิ้นใดเทียบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวคลื่นที่ใหญ่ขนาดกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหนึ่งของภาพ เมื่อเทียบกับภูเขาฟูจิที่อยู่ทางขวาแล้วก็ทำให้ตัวคลื่นโดดเด่นเหนือกว่างานชิ้นอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน
นอกจากนี้ ความเป็นภาพพิมพ์ซึ่งสามารถทำซ้ำได้เรื่อย ๆ ทำให้ช่วงเวลานั้นภาพคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะมีราคาในระดับเดียวกับอาหารหนึ่งมื้อ เท่ากับว่ามีความสวยงามในราคาย่อมเยา ภาพนี้จึงแพร่กระจายไปทั่วญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาที่ภาพนี้เริ่มโด่งดังในญี่ปุ่นก็คือช่วงก่อนชาติตะวันตกจะเข้ามาไม่กี่สิบปี ดังนั้น เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศ และยอมให้ตะวันตกเข้ามาสัมผัสกับวัฒนธรรมของตน คลื่นยักษ์จากมุมมองนอกชายฝั่งคานากาวะทางใต้ของโตเกียว จึงเป็นภาพที่ชาวยุโรปสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในที่ต่าง ๆ ร่วมกับอูคิโยะ เอะ อื่น ๆ ในยุคเดียวกัน
แม้ช่วงนั้นกระแส “ภาพถ่าย” ในญี่ปุ่นจะเริ่มเติบโต จนอูคิโยะ เอะ เริ่มเสื่อมความนิยม แต่ชาวยุโรปที่ได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นครั้งแรกต่างหลงเสน่ห์อูคิโยะ เอะ เข้าอย่างจัง และผลงานของโฮคุไซที่แสดงถึงจินตนาการซึ่งชาวยุโรปไม่มีชิ้นนี้เอง ก็คือผลงานที่เข้าถึงใจชาวยุโรปได้มากที่สุด
จากญี่ปุ่น สู่อิมเพรสชั่นนิสม์ และศิลปะหลังจากนั้น
คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ ร่วมกับอูคิโยะ เอะ อื่น ๆ สร้างอิทธิพลอย่างมหาศาลแก่ศิลปินตะวันตกที่ได้รับรู้ถึงความแปลกใหม่และงดงามของภาพพิมพ์ไม้เหล่านี้
เจสัน ฟาราโก (Jason Farago) นักเขียนนักวิจารณ์ของ The New York Times กล่าวว่า “หากปราศจากภาพพิมพ์ของโฮคุไซแล้ว อิมเพรสชั่นนิสม์ก็อาจเกิดขึ้นมาไม่ได้เลย” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่อ้างอิงถึงชื่อเสียงงานของโฮคุไซ และผลงานจำนวนมากของเขาที่หลั่งไหลเข้าไปในตะวันตกพร้อมกันกับอูคิโยะ เอะ อื่น ๆ จนส่งผลต่อศิลปะกระแสใหม่
“อิมเพรสชั่นนิสม์” เกิดขึ้นในฝรั่งเศสช่วงทศวรรษที่ 1860 ช่วงนั้นศิลปินชาวฝรั่งเศสหลายคนนำงานมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่กรุงปารีส ซึ่งประเภทงานที่ได้รับความนิยมขณะนั้น คืองานที่หลุดออกจากขนบการสร้างงานศิลป์แบบเดิม ๆ คือ ไม่เน้นหนักในการเชิดชูศาสนาและประวัติศาสตร์ แต่หันไปหาสิ่งที่ดูเรียบง่ายและน่าประทับใจแทน
จุดพัฒนาสำคัญของอิมเพรสชั่นนิสม์อยู่ใน ค.ศ. 1867 ที่มีการนำอูคิโยะ เอะ ไปจัดแสดงเป็นครั้งแรกในกรุงปารีส ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้ศิลปินฝรั่งเศส รวมถึงศิลปินในยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ เช่นเดียวกับ เอดูอาร์ มาเนต์ (Édouard Manet) บิดาแห่งอิมเพรสชั่นนิสม์ ที่ได้รับอิทธิพลในการใช้สีโทนเรียบ ๆ และเนื้อหาของภาพ ที่หันไปวาดผู้คนในเมืองหรือสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสไตล์แบบอูคิโยะ เอะ
แอดการ์ เดอกา (Edgar Degas) เป็นผู้แสดงออกมาด้วยตัวเองว่าได้รับอิทธิพลจากอูคิโยะ เอะ เห็นได้ชัดจากการจัดคอมโพสิชั่นภาพที่มีสไตล์แบบอูคิโยะ เอะ ในงานของเขา หรือ วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ (Vincent van Gogh) ศิลปินชาวดัตช์ ที่อาจไม่ใช่พวกอิมเพรสชั่นนิสม์โดยตรง แต่ก็ระบุชัดว่ารับพื้นฐานอูคิโยะ เอะ ส่วนหนึ่งเข้ามาเป็นของตนเองเช่นกัน และสร้างงานอันมีเอกลักษณ์ ส่งผลให้เขาเป็นศิลปินมากฝีมือที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก แม้จะเป็นตอนที่เขาจากไปแล้วก็ตาม
หนึ่งในงานชิ้นอมตะของแวน โก๊ะห์ อย่าง “ราตรีประดับดาว” (Starry Night) ผลงานที่เกิดจากการมองท้องฟ้ายามค่ำคืน คืองานที่อาจได้รับแรงบันดาลใจจากคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะของโฮคุไซ เช่น กระแสบนท้องฟ้าที่อยู่ตำแหน่งเดียวกับคลื่นยักษ์ หรือลักษณะการหมุนวนของกระแสสีขาวก็มีความใกล้เคียงกับลักษณะของยอดคลื่นยักษ์
มาร์ติน เบลีย์ (Martin Bailey) ผู้เชี่ยวชาญผลงานแวน โก๊ะห์ ซึ่งเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการได้รับแรงบันดาลใจของแวน โก๊ะห์ กล่าวว่า “อิทธิพลของงานอาจเข้าไปในสมองของแวน โก๊ะห์ ทั้งโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ซึ่งย่อมส่งผลต่อการวาดภาพของเขาอย่างแน่นอน” อีกทั้งแวน โก๊ะห์ ก็เคยกล่าวถึงงานชิ้นนี้ของโฮคุไซในจดหมายที่เขาติดต่อกับครอบครัว จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าศิลปินชาวดัตช์คนนี้จะได้รับอิทธิพลจากผลงานคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะในการสร้างราตรีประดับดาวขึ้นมาจริง และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะช่วงนั้น อูคิโยะ เอะ ได้รับความนิยมแพร่หลายในหมู่ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากแวน โก๊ะห์ ก็ยังมีศิลปินคนอื่น ๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากงานของโฮคุไซอยู่เช่นกัน ดังนั้น ในแง่ของอิทธิพลที่แพร่หลายนี้อาจเป็นตัวชี้วัดถึงความโด่งดังของคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะได้เป็นอย่างดี
ความที่เป็นภาพพิมพ์ สามารถผลิตซ้ำได้ ปัจจุบันคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะจึงจัดแสดงอยู่ในหลายพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก และแม้จะไม่ต้องไปถึงพิพิธภัณฑ์ก็สามารถเห็นคลื่นลูกนี้ผ่านตาได้อยู่ดี เช่น อิโมจิคลื่นที่ปรากฏในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Apple ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากคลื่นยักษ์ของโฮคุไซ หรือจากสินค้านานาประเภท ทั้ง เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์จำพวกคอมพิวเตอร์ เมาส์ คีย์บอร์ด แก้ว จาน ถุงผ้า ฯลฯ
สาเหตุที่ภาพนี้ยังคงได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน อาจเป็นเพราะมีเอกลักษณ์ที่แสดงถึงพลังของธรรมชาติ บวกกับความสวยงามของเทคนิคศิลปะ และความสามารถอันเอกอุของโฮคุไซ ทั้งหมดประกอบกันจนทำให้แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 200 ปี “คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานากาวะ” ก็ยังคงเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโปรดของคนทั่วโลกอยู่นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม :
- 31 ม.ค. กำเนิด “โทกุงาวะ อิเอยาสุ” ขุนพลชนะสงครามซามูไรที่ยิ่งใหญ่นำญี่ปุ่นสู่ยุคเอโดะ
- แฟชั่นสตรีในงานศิลปะญี่ปุ่นสมัย “เอโดะ” ทำไมเน้นทรวดทรงสัดส่วนผู้หญิงให้ยาวเกินจริง
- ตะลึง! ภาพวาดสมัยเอโดะ “ตดมหาประลัย ขับไล่ต่างชาติ”!!?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
นิถิดา ลิ้มถวิล (25 ธันวาคม 2558). ภาพพิมพ์อุคิโยเอะ (Ukiyo-e). Blogspot. https://worldcivil14.blogspot.com/2015/12/ukiyo-e.html
1867 Paris Exposition Universelle – Kiama Art Gallery. (2015, May 7). Kiama Art Gallery. https://kiamaartgallery.wordpress.com/tag/1867-paris-exposition-universelle/
Farago, J. (2022, February 24). Hokusai and the wave that swept the world. BBC Culture. https://www.bbc.com/culture/article/20150409-the-wave-that-swept-the-world
Jamieson, A. (2021). Iconic Hokusai Prints: Thirty-Six Views of Mount Fuji. Japan Objects. https://japanobjects.com/features/hokusai-fuji
Korenberg, C. (n.d.). The making and evolution of Hokusai’s Great Wave. British Museum, 1–28. https://www.britishmuseum.org/sites/default/files/2022-03/korenberg_article- for_hokusai%20_edited_volume_final-2020_accessible.pdf
Lane, R. (1999, July 28). Hokusai | Japanese artist. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/biography/Hokusai
Pickford, L. (2021, January 25). Ukiyo-e: the floating world of Japanese art. Go! Go! Nihon. https://gogonihon.com/en/blog/ukiyo-e-japanese-art/
The Editors of Encyclopaedia Britannica. (2023, March 24). Ukiyo-e | Japanese art. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/art/ukiyo-e
The Editors of Encyclopaedia Britannica. (2023, April 28). Impressionism | Definition, Artists, Characteristics, & Facts. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/art/Impressionism-art
The Great Wave: spot the difference. (n.d.). The British Museum. https://www.britishmuseum.org/blog/great- wave-spot-difference
Wood, P. (2017, July 20). Hokusai’s wave: Is this the most reproduced artwork in history? ABC News. https://www.abc.net.au/news/2017-07-20/hokusai-the-wave:-is-this-the-most-reproduced- artwork/8720070
ปพิชญา บุตรพรม. (2563) อิทธิพลของภาพพิมพ์ญี่ปุ่นที่มีต่อผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะห์. (สารนิพนธ์อักษรศาสตรบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร). ระบบฐานข้อมูลวิจัย นักศึกษาสาขาวิชาเอเชียศึกษา. http://isas.arts.su.ac.th/wp-content/uploads/2563/visualarts/05600702.pdf
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 5 พฤษภาคม 2566