19 กุมภาพันธ์ 2531 ไทย-ลาวหยุดยิง “สมรภูมิบ้านร่มเกล้า”

เนิน 1428 ที่เคยเกิดปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและลาวในสมรภูมิบ้านร่มเกล้า ปัจจุบันยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นของฝ่ายใด ภาพถ่ายจากจุดชมวิวอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ By เทวประภาส มากคล้าย, Via Wikimedia Commons

สมรภูมิบ้านร่มเกล้า เป็นกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและลาวบริเวณชายแดน อันเนื่องมาจากข้อพิพาทในการกำหนดเส้นแบ่งดินแดนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารพรานไทยและลาวหลายครั้งตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ปี 2530 เมื่อทหารลาวได้เข้าทำลายรถแทรกเตอร์ของเอกชนไทย ทำให้คนงานเสียชีวิตหนึ่งราย ในพื้นที่ซึ่งลาวอ้างว่าอยู่ในเขตตาแสงของแขวงไชยะบุรี พร้อมระบุว่าบ้านร่มเกล้าอยู่เข้าลึกไปในเขตลาว 2 กิโลเมตร

ด้านกองทัพภาคที่ 3 ได้ส่งกองกำลังหลักเข้าผลักดันกองกำลังลาวที่เข้ามายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์หลายแห่ง โดยวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ระบุว่า ยุทธการบ้านร่มเกล้า ได้เริ่มขึ้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เมื่อ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. (ในขณะนั้น) ประกาศจะผลักดันกองกำลังต่างชาติที่เข้ามายึดครองพื้นที่ในเขตไทยทุกรูปแบบด้วยการใช้กำลังทหาร จึงทำให้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือด (คลิกอ่านเพิ่มเติม: การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพภาคที่ 3)

ทหารไทยได้รุกตอบโต้ยึดที่มั่นต่างๆ ที่ลาวครองไว้กลับมาได้เป็นส่วนมาก รวมทั้งได้ทำการโอบล้อมบริเวณตีนเนิน 1428 ไว้ได้ แต่ไม่สามารถบุกขึ้นไปถึงยอดเนินซึ่งทหารลาวใช้เป็นฐานต่อต้านได้ ซึ่งไทยต้องเสียเครื่องบินรบแบบเอฟ-5 หนึ่งลำ และโอวี-10 อีกหนึ่งลำพร้อมกับชีวิตทหารอีกนับร้อยนายในการศึกครั้งนี้

สมรภูมิร่มเกล้า (ภาพจากหนังสือ นักรบเลือดไทย)

หลังการสู้รบดำเนินไปอย่างดุเดือด ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2531 นายไกสอน พมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาวในขณะนั้น ได้ส่งสาส์นถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น เสนอให้หยุดยิง พร้อมตั้งคณะกรรมการพิสูจน์เขตแดน และติดต่อสหประชาชาติให้ช่วยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ซึ่งพล.อ.เปรมตอบรับ นำไปสู่การเจรจาและได้ข้อตกลงโดยทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531 เวลา 08.00 น. และถอยจากแนวปะทะฝ่ายละ 3 กิโลเมตร

ประภาส รวมรส อดีตทหารพรานได้เล่าประสบการณ์การรบให้กับนิตยสารสารคดีฟังว่า “เราเสียเปรียบเรื่องการสนับสนุนจากปืนใหญ่ บอกตรงๆว่า กองทัพภาคที่ 3 ยิงไม่แม่น รบไม่เก่งเท่ากองทัพภาคที่ 2 ซึ่งรบบ่อยกว่า การส่งกำลังบำรุงของกองทัพภาคที่ 3 ก็แย่มาก เสบียงส่วนมากไม่ถึงแนวหน้า มีการคอร์รัปชันทุกอย่าง”

“ตลอดการรบเราต้องกินมาม่า หยวกกล้วย มะเขือยาว ดีหน่อยคือเนื้อทอดกับข้าวเหนียว แน่นอนผมเป็นทหารรับจ้าง โวยวายไม่ได้มากนักเพราะชีวิตราคาถูก” ประภาสกล่าวตัดพ้อ

ด้าน น.อ.ไพโรจน์ เป้าประยูร อดีตนักบินโอวี-10 ที่ถูกยิงตกและโดนจับเป็นเชลยอยู่ในลาว 12 วันก็ได้ให้สัมภาษณ์ภับสารคดีเช่นกัน โดยอ้างว่าทางกองทัพอากาศได้บันทึกบทเรียนศึกร่มเกล้า “คลาดเคลื่อน” เช่นกรณีเครื่องของเขาที่ถูกยิงตกนั้นเป็นเพราะความผิดพลาดจากการวางแผนที่ใช้แผนเดิมซ้ำๆ จึงถูกยิงตก ไม่ใช่เพราะบินวนรอตามที่กองทัพกล่าวอ้าง

“มันเกิดจากความผิดพลาดในการวางแผนที่ใช้แผนเดิมในวันต่อมา เขาดักรออยู่แล้ว ผมไม่คิดร้องเรียนก็ให้ผิดอย่างนั้น เขาพยายามปกปิดบางอย่าง อาจพยายามปกป้องคนบางคน” น.อ.ไพโรจน์กล่าว

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

บันทึก “ศึกร่มเกล้า” ยี่สิบสามปีตำนานสมรภูมิ 1428. นิตยสารสารคดี ปีที่ 27 ฉบับที่ 317 (กรกฎาคม 2554) หน้า 146-171. (อ่านเพิ่มเติมออนไลน์: บันทึก “ศึกร่มเกล้า” ยี่สิบสามปีตำนานสมรภูมิ 1428.)

สมรภูมิบ้านร่มเกล้า วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561