“ครอง จันดาวงศ์” นักต่อสู้ ปชต. เจ้าของวาทะ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”

ครอง จันดาวงศ์ นักต่อสู้ ประชาธิปไตย
ครูครอง จันดาวงศ์ (28 มกราคม พ.ศ.2451-31 พฤษภาคม พ.ศ.2504)

“ครอง จันดาวงศ์” เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจากที่ราบสูง เจ้าของวาทะ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”

ครอง จันดาวงศ์ เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองผู้ไม่เห็นด้วยกับระบอบเผด็จการ รวมถึงพยายามคัดค้านระบอบนี้อย่างหัวชนฝา บทบาทการต่อสู้ทางการเมืองของ “ครูครอง” เรียกได้ว่าเคียงคู่มากับ “ขุนพลภูพาน” เตียง ศิริขันธ์ ส.ส. จากจังหวัดสกลนคร (ถึงแม้จะไม่โดดเด่นเท่า) มาตั้งแต่ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยสายอีสานเลยทีเดียว จากนั้นก็เคลื่อนไหวต่อสู้กับระบบอันอยุติธรรมมาตลอดช่วงชีวิต จนครูครองได้รับการขนานนามว่าเป็น “วีรบุรุษแห่งสว่างแดนดิน”

ประวัติ ครอง จันดาวงศ์

ครอง จันดาวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2451 ในครอบครัวชาวนาที่ค่อนข้างมีฐานะ ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร บิดา ชื่อ นายกี จันดาวงศ์ (ต่อมาได้บรรดาศักดิ์เป็นหมื่นศรีภักดี) มารดาชื่อ แม่เชียงวัน ทั้งบิดาและมารดามีเชื้อสายไทยย้อ มีบุตรด้วยกัน 9 คน ครูครองเป็นคนสุดท้อง

ในวัยเด็กครูครองเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดศรีษะเกษใกล้บ้าน จากนั้นเรียนโรงเรียนมัธยมที่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล จนจบชั้นมัธยม จึงไปประกอบอาชีพเป็นครูที่บ้านตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน ต่อมาได้ย้ายมาเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนบ้านบงเหนือ และได้สมรสกับ น.ส.มุกดา ลูกสาวกำนันบ้านบงเหนือ แต่ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น จึงได้หย่าขาดจากกัน

ต่อมาได้ย้ายไปเป็นครูอีกหลายโรงเรียน และได้สมรสใหม่กับ น.ส.แตงอ่อน แซ่เต็ง ใน พ.ศ. 2480 จนกระทั่งย้ายมาเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนวัดบ้านทรายมูล ตำบลพันนา ในอำเภอสว่างแดนดิน [1] จังหวัดสกลนคร

ครอง จันดาวงศ์ นักต่อสู้ ประชาธิปไตย
ครูครอง จันดาวงศ์ (28 มกราคม พ.ศ.2451-31 พฤษภาคม พ.ศ.2504)

การต่อสู้ทางการเมืองของ ครอง จันดาวงศ์

ดังที่กล่าวไปแล้วว่าครอง จันดาวงศ์ เป็นอดีตเสรีไทยสายอีสานร่วมกับเตียง ศิริขันธ์ อีกทั้งยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร มีการต่อต้านคัดค้านระบอบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาโดยตลอด เคยถูกจับข้อหาเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดนเมื่อปี 2491 และกบฏสันติภาพเมื่อปี 2495 ถูกปล่อยตัวออกมาในช่วง พ.ศ. 2500 ในกรณีนิรโทษกรรมกึ่งพุทธกาล ช่วงที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหารโค่นจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีการยุบสถาและเปิดให้มีการเลือกตั้งในปีเดียวกัน

ครูครองลงสมัคร ส.ส. ก็ได้เป็น ส.ส. จังหวัดสกลนคร จนกระทั่งจอมพล สฤษดิ์ ก่อการรัฐประหารครั้งที่สอง เพื่อยึดอำนาจใน พ.ศ. 2501 พร้อมกับปกครองในระบอบเผด็จการเต็มรูปแบบ ยกเลิกระบอบรัฐสภาและยุติการเลือกตั้ง จากนั้นก็ได้กวาดล้างปราบปรามนักหนังสือพิมพ์และนักการเมืองฝ่ายค้านจำนวนมาก

“ขุนพลภูพาน” เตียง ศิริขันธ์ อดีต ส.ส. สกลนคร เสรีไทยสายอีสาน

ตอนแรกครอง จันดาวงศ์ ไม่ได้ถูกกวาดล้างในรอบแรกนี้ จึงต้องออกจาก ส.ส. มาประกอบอาชีพเป็นครูควบคู่กับการทำเกษตรกรและค้าขายที่สกลนคร รวมถึงยังคงทำงานร่วมกับประชาชนเช่นเดิม โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะจัดตั้งให้ชาวนาชาวไร่รวมตัวกัน เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นสำคัญ ครูครองได้แนะนำการทำเกษตรกรโดยให้ชาวบ้านลงแขกเพื่อช่วยเหลือกันในการทำนา พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ต่อต้านอำนาจเผด็จการไปด้วย [2]

จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

ครูครองและผองเพื่อนจัดตั้งสมาคมลับที่ชื่อ “สามัคคีธรรม” ทำการต่อต้านอำนาจเผด็จการ และอบรมสั่งสอนประชาชนที่ทุกข์ยาก ให้รู้จักถึงความสำคัญของชนชั้นกรรมาชีพ ครูครองทำการต่อต้านอำนาจเผด็จการ จนกระทั่งถูกล้อมจับในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 ท้ายที่สุดก็ถูกคำสั่งประหารชีวิตด้วยมาตรา 17 ของจอมพล สฤษดิ์ โดยไม่มีการไต่สวนพิจารณาคดีแต่อย่างใด

ครูครอง จันดาวงศ์ ถูกประหารชีวิต พร้อมกับครูทองพันธ์ สุทธิมาศ ในวันที่ 31 พฤษภาคม ปีเดียวกัน กล่าวกันอย่างแพร่หลายว่าก่อนทำการประหารนั้น ทหารได้นำตัวครูครองไปพบจอมพล สฤษดิ์ ขณะที่ถูกจับครูครองให้สัมภาษณ์ว่า ผมไม่ถือโทษโกรธตำรวจแต่อย่างไร เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ ขอแต่ให้ดำเนินคดีไปตามตัวบทกฎหมายก็แล้วกัน ผมไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลย เพราะถูกจับเสียจนชินแล้ว” [3]

หลังจากนั้นครูครองกับเพื่อนที่ถูกจับก็ถูกนำตัวส่งเข้าหลักประหาร ก่อนถูกยิงเป้า เขาได้ฝากวาทะสำคัญอันลือเลื่องไว้ก็คือ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” จบประโยคกระสุนก็รัวใส่ร่างของครูครองจนสิ้นชีพ เป็นอันสิ้นสุดบทบาทของวีรบุรุษสว่างแดนดินแต่บัดนั้น

ครูครอง จันดาวงศ์ ขณะถูกนำตัวเข้าหลักประหาร

รัฐบาลกล่าวอ้างการประหารชีวิตครูครองว่า เป็นการก่อการกบฏต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรและราชบัลลังก์ เพื่อป้องกันมิให้เป็นตัวอย่างในการกระทำผิดชนิดนี้ต่อไปภายหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการประหารชีวิต [4]

กล่าวว่าปลายปี 2504 จิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในคุกลาดยาว ได้แต่งเพลง “วีรชนปฏิวัติ”[5] ขึ้น จากความรู้สึกประทับใจในการต่อสู้ของครูครอง จันดาวงศ์ และในเวลาต่อมาเพลงนี้ก็ยังได้รับการเผยแพร่และขับร้องกันสืบมาในขบวนการของฝ่ายประชาชน

ถึงแม้ว่า ครูครอง จันดาวงศ์ จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่คำกล่าวขานถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังคงครุกรุ่นอยู่เสมอ พร้อมกับประโยคทองของครูครองที่จะเป็นอมตะตลอดไป ตราบใดที่เผด็จการยังคงรู้สึกสง่างามกับอำนาจบาตรใหญ่ของเขา

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เชิงอรรถ :

[1] 100 ปี ครูครอง จันดาวงศ์ ศรัทธายังมั่น เสมอจนสิ้นใจ. เข้าถึงได้ที่ http://oknation.nationtv.tv/blog/prachachon/2008/02/03/entry-1

[2] จากยอดโดมถึงภูพาน : บันทึกประวัติศาสตร์ฉบับสามัญชนบนเส้นทางประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ : สถาบันการเมือง. หน้า105.

[3] อ้างจาก ครอง จันดาวงศ์ (2451-2504) เข้าถึงได้ที่ http://www.noknight.com/data_files/col_noknight_klong.htm

[4] ทักษ์ เฉลิมเตียรณ. (2552). การเมืองระบบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการ. กรุงเทพฯ : โครงการตำราฯ. หน้า 268.

[5] จิตร ภูมิศักดิ์ – วีรชนปฏิวัติ เพลง (เผยแพร่ในยูทูป)

อ้างอิง :

หนังสือ

ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์.  การเมืองสองฝั่งโขง. กรุงเทพฯ : มติชนการพิมพ์, 2546.

เสถียร จันทิมาธรและขรรค์ชัย บุนปาน (2526). กองทัพบกกับประเทศไทย. กรุงเทพฯ: มติชน.

จากยอดโดมถึงภูพาน : บันทึกประวัติศาสตร์ฉบับสามัญชนบนเส้นทางประชาธิปไตย. กรุงเทพ : สถาบันการเมือง.

ทักษ์ เฉลิมเตียรณ. (2552). การเมืองระบบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการ. กรุงเทพ : โครงการตำราฯ.

วิชิตร วงศ์ ณ ป้อมเพชร. (2546). ตำนานเสรีไทย. กรุงเทพ:แสงดาว.

สื่อวิดิทัศน์ และเว็บไซต์

วีรบุรุษสว่างแดนดิน “ครูครอง จันดาวงศ์”

จอมพลสฤษดิ์ ขุนศึกคู่พระทัย

จุดจบเผด็จการสฤษดิ์กับการอุ้มฆ่าประชาชน เว็บไซต์ เข้าถึงได้ที่http://www.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=156854&Mbrowse=9

100 ปี ครูครอง จันดาวงศ์ ศรัทธายังมั่น เสมอจนสิ้นใจ. เว็บไซต์ เข้าถึงได้ที่http://oknation.nationtv.tv/blog/prachachon/2008/02/03/entry-1

ครอง จันดาวงศ์ (2451-2504) เข้าถึงได้ที่ http://www.noknight.com/data_files/col_noknight_klong.htm


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 26 มีนาคม 2562