
ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
ความเคยชินทำให้มนุษย์ “เป็นทาสโดยใจสมัคร”
“มนุษย์ปรารถนาอะไรที่ง่ายและไม่เปลี่ยนแปลง เหตุผลประการแรกของความเป็นทาสโดยใจสมัครคือ ความเคยชิน นั่นแหละ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับม้าที่กล้าหาญที่สุด เริ่มแรก มันกัดเหล็กปากม้า แต่ไม่นาน มันกลับเล่นสนุกสนานกับเหล็กนั้น”
เอเตียน เดอ ลา โบเอซี, ว่าด้วยการเป็นทาสโดยใจสมัคร (ค.ศ. 1576)
เอเตียน เดอ ลา โบเอซี (Estienne de La Boétie) นักปรัชญาการเมือง ผู้พิพากษา และนักการทูตชาวฝรั่งเศสผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1530-1563 ในยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นสูงในเมืองซาร์ลาต์ บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส แม้จะกำพร้าพ่อ-แม่ แต่เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพ่อทูนหัว ซึ่งเป็นลุงของเขาเอง
เอเตียน เดอ ลา โบเอซี ฉลาดเป็นกรด เขาศึกษาความรู้ภูมิปัญญากรีก-โรมันยุคคลาสสิกจากตำราของนักเขียนหัวกะทิยุคเรเนสซองส์ ชื่นชอบปรัชญา ประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และงานกวีนิพนธ์ ใช้เวลาเพียงปีเดียวเรียนจบนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยออร์เลอองเมื่อปี 1553 ก่อนมาเป็นตุลาการศาลสูงแห่งบอร์กโดซ์ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ด้วยซ้ำ
การทำงานในตำแหน่งตุลาการศาลสูงทำให้ เอเตียน เดอ ลา โบเอซี ได้พบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อทัศนคติทางการเมือง และแนวคิดเชิงปรัชญาการเมืองของตน เขามีบทบาทในความขัดแย้งระหว่างคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ที่กำลังลุกลามบานปลายในฝรั่งเศส ที่สำคัญคือมีงานเขียนที่แสดงความรังเกียจต่อเผด็จการ แม้จะรับราชการอยู่ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แห่งฝรั่งเศส
ทำไมมนุษย์ถึงยอมเป็นทาสโดยใจสมัคร
ในงานเขียนอันโด่งดังของ เอเตียน เดอ ลา โบเอซี มีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงความยินยอม “เป็นทาสโดยใจสมัคร” จากการทำให้เคยชินกับการกดขี่จนชินชา และอยู่กับสภาพอันไร้เสรีภาพนั้นได้อย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใด ๆ จากข้อความ ดังต่อไปนี้
ในตอนนี้ ผมอยากทำความเข้าใจว่า ในบางครั้ง มนุษย์ก็ดี หมู่บ้านก็ดี เมืองก็ดี ชาติก็ดี กลับไปสนับสนุนทรราชได้อย่างไร ทรราชเพียงคนเดียวผู้ซึ่งมีอำนาจได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้มอบอำนาจให้แก่ทรราชไป ทรราชผู้ซึ่งทำร้ายพวกเขาได้ตราบที่พวกเขายอมทน ทรราชผู้ซึ่งไม่อาจทำชั่วกับพวกเขาได้หากพวกเขาไม่นิยมชมชอบความทุกข์ทนมากกว่าการตอบโต้ทรราชนั้นเสีย
สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องปกติ จนน่าเศร้ามากกว่าแปลกใจคือ ผู้คนนับล้านอยู่ในสภาพรันทด ผู้คนนับล้านถูกสนตะพาย สภาพการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดจากการที่พวกเขาถูกบังคับด้วยกำลัง แต่มันเป็นเพราะพวกเขากลับซาบซึ้งต่อเหล่าทรราชนั้นราวกับว่าต้องมนต์สะกดเพียงเพราะได้ยินชื่อของทรราชคนใดคนหนึ่ง เอาเข้าจริงแล้ว พวกเขาไม่ควรกลัวทรราช เพราะมันเป็นแค่คนคนเดียว พวกเขาไม่ควรรักทรราช เพราะมันได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร้มนุษยธรรมและโหดร้าย นี่คือความอ่อนแอของมนุษย์ ได้แก่ ถูกบังคับให้เชื่อฟัง ถูกบังคับให้เฝ้าคอย รอเวลา พวกเขาไม่อาจเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดได้
…
เราไม่เคยเสียใจเลยในสิ่งที่เราไม่เคยมี ความเศร้ามาหลังความสุข เมื่อเผชิญกับความทุกข์ เราก็นึกถึงความสุขที่ผ่านพ้นไปแล้วเสมอ ธรรมชาติของมนุษย์ คือความเป็นอิสระและความต้องการเป็นอิสระ แต่มนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงอย่างง่ายดายเมื่อการศึกษาทำให้เขาเปลี่ยน
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเขาเคยชิน สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในธรรมชาติคือ มนุษย์ ปรารถนาอะไรที่ง่ายและไม่เปลี่ยนแปลง เหตุผลประการแรกของความเป็นทาสโดยใจสมัครคือ ความเคยชิน นั่นแหละ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับม้าที่กล้าหาญที่สุด เริ่มแรก มันกัดเหล็กปากม้า แต่ไม่นาน มันกลับเล่นสนุกสนานกับเหล็กนั้น เริ่มแรก มันไม่ยอมให้ใครเอาอานม้าใส่หลัง แต่ตอนนี้ มันกลับวิ่งเข้าไปให้ใส่บังเหียน ด้วยความภาคภูมิใจ และโอ้อวดในชุดเกราะ
พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเคยเป็นไพร่มาโดยตลอด และพ่อของพวกเขาก็เคยเป็นไพร่มาก่อนด้วย พวกเขาคิดว่าพวกเขาต้องยอมทนกับความเลวร้าย พวกเขาโน้มน้าวตนเองด้วยการยกตัวอย่างต่าง ๆ และพวกเขายังทำให้อำนาจของทรราชมั่นคงขึ้น ด้วยระยะเวลาในความเป็นจริงแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านไปไม่ได้ให้สิทธิแก่ทรราชในการทำความผิด แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขากลับถูกเหยียดหยามมากขึ้น
แน่นอน ต้องมีบางคนเกิดมาดีกว่าคนอื่น เขารู้สึกได้ถึงความหนักของแอกและไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะปลดแอก เขาไม่มีวันเชื่องกับความเป็นไพร่
…
คือเขาเหล่านี้ผู้มีมันสมองเป็นเลิศ ได้พัฒนาสติปัญญาให้แหลมคมด้วยการศึกษาและความรู้ เมื่อไรที่เสรีภาพมลายหายไปทั้งหมดและถูกละทิ้งจากโลกใบนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงจินตนาการและรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณแห่งเสรีภาพและลิ้มรสมัน พวกเขารู้สึกขยะแขยงความเป็นทาส แม้ว่าความเป็นทาสจะถูกคลุมด้วยอาภรณ์ชั้นดีก็ตาม
ทั้งนี้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากงานเขียนชื่อ “The Discourse of Voluntary Servitude” ที่ถูกรวบรวมและนำมาแปลเพื่อพิมพ์เผยแพร่ภายหลัง เอเตียน เดอ ลา โบเอซี เสียชีวิตแล้ว โดยเมอร์เรย์ รอธบาร์ด (Murray Rothbard) นักเศรษฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน
นับเป็นผลงานที่ตีแผ่โครงสร้างทางสังคมและการเมืองได้อย่างลุ่มลึก มีลักษณะของการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจและเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานจากอำนาจรัฐ รวมทั้งการ “อารยะขัดขืน” อย่างแยบคาย อิทธิพลจากแนวคิดดังกล่าวยังส่งต่อไปยังนักปรัชญาการเมืองและรัฐศาสตร์ในฝรั่งเศสและโลกตะวันตกในรุ่นถัด ๆ มาด้วย
อ่านเพิ่มเติม :
- “การขายลูกเมียกิน” ของคนสยามในสายตาฝรั่ง เปิดบันทึกสัญญาค้าขายทาสในอดีต
- เผยแนวพระราชดำริในรัชกาลที่ 4 และการโต้ตอบ “แหม่มแอนนา” เรื่อง “ทาส-เสรีภาพ”
- แรงงานทาสในยุคการผลิตน้ำตาล มนุษย์เหมือนกันแต่ไม่เท่าเทียมกัน
อ้างอิง :
ปิยบุตร แสงกนกกุล. (2565). Les Citations: ปัญญาจารย์การเมือง. กรุงเทพฯ : ไชน์ พับลิชชิ่ง เฮ้าส์.
Nonviolent-resistance.info. Étienne de La Boétie, Against Voluntary Servitude. Retrieved May 12, 2023. From https://www.nonviolent-resistance.info/exhibitions/eng/boetie/timeline.htm
The People. เอเตียน เดอ ลา โบเอตี เผด็จการมีอำนาจเพราะคนยอมเป็นทาสโดยสมัครใจ. สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2562. จาก https://www.thepeople.co/read/13512
OLL Liberty Fund, Inc. Étienne de la Boétie provides one of the earliest and clearest explanations of why the suffering majority obeys the minority who rule over them; it is an example of voluntary servitude (1576). Retrieved May 12, 2023. (Online)
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 12 พฤษภาคม 2566